Monday, May 25, 2009

ลาซานญ่าผัก : vegetable lasagne

ปกติแล้วที่บ้านจะทำลาซานญ่าซอสเนื้อ(หมู) กินบ่อยๆ ค่ะ แต่วันดีคืนดีถ้าอยากเพลาๆ การกินเนื้อสัตว์ลงบ้างก็เปลี่ยนมาทำลาซานญ่าผักแทนค่ะ รสชาติอร่อยไปอีกแบบ ไม่แพ้ซอสเนื้อเลยค่ะ

ส่วนผสม สำหรับรับประทาน 4 คน

  • แผ่นลาซานญ่า 8 แผ่น (แบบไม่ต้องต้มก่อนค่ะ)
  • มะเขือม่วง 100 กรัม
  • ซูกีนี 100 กรัม
  • เห็ดแชมปิยอง 100 กรัม
  • พริกหวาน (สีเขียว แดง เหลือง) 100 กรัม
  • แครอทหัวใหญ่ 1 หัว
  • เมล็ดข้าวโพดหวาน 100 กรัม
  • เมล็ดถั่วลันเตา 100 กรัม
  • น้ำมันมะกอก 2 ชต.
  • มะเขือเทศ 4 ลูก
  • Tomato puree (แบบที่ปั่นจนเนียนเหมือนซอสมะเขือเทศนะคะ) 250 กรัม
  • กระเทียมกลีบใหญ่ 1 กลีบ
  • ออริกาโนและบาซิลสับละเอียดรวมกัน 2 ชต.
  • น้ำซุปผัก 150 มล.
  • ผงปาปริก้า 1 ชต.
  • พามีซานขูด 60 กรัม
  • เนยเค็ม 1 ชต.
  • แป้งเอนกประสงค์ 1 ชต.
  • นมสด 250 มล.
  • พริกไทย เกลือ Muscat
  • ชีส Emmentaler ขูด 100 กรัม
  • น้ำมันมะกอกสำหรับทาพิมพ์
วิธีทำ
  • ล้างมะเขือม่วง ซูกีนี และเห็ดให้สะอาด แล้วหั่นบางๆ พริกหวานและแครอทหั่นเต๋าเล็กๆ ข้าวโพดหวานถ้าใช้แบบกระป๋องก็สะเด็ดน้ำไว้ด้วยค่ะ กระเทียมปอกเปลือกสับละเอียด นำหม้อใส่น้ำตั้งไฟให้เดือด ถ้าใช้เมล็ดถั่วลันเตาแบบแช่แข็งก็ใส่ลงไปต้มประมาณ 3 นาที ก่อนตักขึ้นผ่านน้ำเย็นจัด แล้วใส่มะเขือเทศสดลงไปต้มประมาณ 2-3 นาทีื หรือจนกว่าเปลือกมะเขือเทศจะปริ ตักขึ้นจากน้ำ ลอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ค่ะ

  • ใส่น้ำมันมะกอกลงในกระทะ เปิดไฟแรง พอน้ำมันร้อนก็ใส่มะเขือม่วง ซูกีนี พริกหวาน แครอท และเห็ดลงไปผัดรวมกัน พอผักเริ่มสลดลด เหลือไฟกลางค่อนข้างอ่อน คนเป็นระยะประมาณ 5 นาที แล้วใส่เกลือ พริกไทย และผงปาปริก้า คนให้เข้ากันแล้วตักผักขึ้นใส่ชาม พักไว้ก่อนค่ะ จากนั้นใส่มะเขือเทศสดและ Tomato puree ในกระทะ ต้มไฟกลางประมาณ 5 นาทีจนมะเขือเทศเปื่อยดีแล้ว ใส่น้ำซุปผักและกระเทียมลงไป ปรุงรสด้วยพริกไทย เกลือ ออริกาโนและบาซิล (แบ่งออริกาโนและบาซิลไว้นิดนึงเพื่อโรยหน้าก่อนอบด้วยนะคะ) ชิมรสตามชอบ แล้วต้มต่ออีกประมาณ 10 นาที ปิดไฟแล้วใส่เมล็ดถั่วลันเตา เมล็ดข้าวโพด และผักที่ผัดไว้ลงไปคนให้เข้ากับซอส ปิดฝาพักไว้ค่ะ

  • ใส่เนยลงในหม้อใบเล็ก นำหม้อตั้งไฟกลางจนเนยละลาย ใส่แป้งลงไป ตอนที่ใส่แป้งก็ใช้ตะกร้อมือคนตลอดเวลาด้วยนะคะ จากนั้นก็ ค่อยๆ รินนมสดลงไปผสม คนไปเรื่อยๆ จนซอสข้น (ถ้าซอสไม่ข้นพอก็ละลายแป้งกับนมแล้วใส่เพิ่มลงไปจนซอสข้นนะคะ) จากนั้นปรุงรส ด้วยเกลือ พริกไทย และ Muscat ค่ะ

  • หากใครใช้แผ่นลาซานญ่าแบบที่ต้องต้มก่อน พอทำซอสผักและซอสขาวเสร็จแล้วก็จัดการต้มน้ำให้เดือด ใส่น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช สัก 1 ชต. ลงไป แล้วต้มแผ่นลาซานญ่าประมาณ 5 นาที จนเกือบสุก คือไม่ต้องให้ถึงกับสุกนิ่ม ให้พอกัดแล้วยังกรุบๆ อยู่บ้าง ก็ตักขึ้นสะเด็ดน้ำไว้ค่ะ ถ้าใครใช้แบบไม่ต้องต้มก่อนก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปค่ะ

  • อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศา นำถาดอบทรงสูงหรือชามทนไฟสำหรับอบลาซานญ่ามาทาน้ำมันมะกอกให้ทั่ว ตักซอสผักใส่ก้นพิมพ์เล็กน้อย แล้วเรียงแผ่นลาซานญ่า 2 แผ่นลงในพิมพ์ ตักซอสผักราดให้ทั่วแผ่นลาซานญ่า ตามด้วยซอสขาวประมาณ 2 ชต. แล้วโรยพาร์มีซาน ทำซ้ำกันอย่างนี้อีก 2 ครั้งจนหมด ซอสผัก โปะหน้าด้วยแผ่นลาซานญ่า ราดหน้าด้วยซอสขาวที่เหลือทั้งหมด โรย Emmentaler ให้ทั่ว แล้วตามด้วยพาร์มีซานที่เหลือทั้งหมด สุดท้ายแต่งหน้าด้วยพริกหวานหั่นเต๋าเล็ก และออริกาโน+บาซิลที่แบ่งไว้ค่ะ

  • นำเข้าอบโดยวางไว้บนชั้นกลางของเตาอบ ใช้เวลาอบประมาณ 40 นาที หรือจนกว่าชีสจะมีสีเหลืองทองสวย เสิร์ฟร้อนๆ ทานคู่กับขนมปัง- กระเทียมและสลัดผัก อร่อยจังเลยค่ะ

Sunday, May 24, 2009

เดนิชพุดดิ้ง : danish pudding

นี่เป็นครั้งแรกที่อาจหาญทำเดนิชค่ะ ก่อนนั้นไม่เคยคิดจะทำเองเลยเพราะเห็นขั้นตอนการทำแล้วก็ท้อ คนที่มีความอดทนค่อนข้างจำกัดอย่างเราคงทำไม่สำเร็จแน่นอน แต่วันนี้พ่อบ้านอ้อนให้ช่วยทำให้กินหน่อย ทนรำคาญไม่ไหวเลยต้องลองสักตั้ง ผลออกมาคุ้มค่ามาก ผิวแป้งงี้กร๊อบกรอบ แต่เนื้อในนุ่ม อร่อยถูกใจที่สุดเลยค่ะ คิดถูกที่ตัดสินใจทำเอง ต่อไปไม่ซื้อเค้ากินแล้วล่ะ อิอิ

ส่วนผสมแป้งเดนิช สำหรับเดนิชประมาณ 15-16 ชิ้น

  • แป้งขนมปัง 350 กรัม
  • แป้งเอนกประสงค์ 150 กรัม
  • น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 40 กรัม
  • เกลือ 10 กรัม
  • ยีสต์แห้ง 8 กรัม
  • นมสด 275 มล.
  • เนยเย็น 225 กรัม
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • ไข่แดง1 ฟอง+นมสด 1 ชต. สำหรับทาผิวก่อนอบ
วิธีทำ

ใส่ยีสต์ น้ำตาลทรายและนมสดลงไปในอ่างผสม คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย แล้วจึงใส่แป้ง เกลือเและไข่แดง 1 ฟองลงไปผสม นวดจนแป้งเนียน (เราใช้เครื่องตีมือถือหัวเกลียวนวดด้วยความเร็วกลางประมาณ 2-3 นาทีค่ะ) แล้วก็รวบแป้งเป็นก้อนกลม (หรือสี่เหลี่ยม) ห่อพลาสติกใสแล้วนำไปแช่เย็นประมาณ 30 นาที

จากนั้นนำแป้งออกมาคลึงให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาประมาณ 1/3 ซม. โดยคลึงให้ด้านยาวๆ กว่าด้านกว้างสัก 3 เท่านะคะ เสร็จแล้วนำเนยออกจากตู้เย็น ใส่ถุงพลาสติก รีดเนยให้ด้านกว้างมีขนาดเกือบเท่าความกว้างของแป้ง แต่ความยาวประมาณ 2/3 ของแผ่นแป้ง จากนั้นนำบล็อกเนยที่รีดไว้วางไว้บนแป้งค่ะ

กะแป้งแบ่งเป็น 3 ส่วน พับแป้งด้านที่ไม่มีเนยลงมาทบแป้งส่วนที่ 2 แล้วตลบปลายแป้งอีกด้านมาทับกัน เหมือนพับจดหมายน่ะค่ะ คงนึกออกนะคะ จากนั้นก็คลุมแป้งด้วยพลาสติกใสแล้วนำไปแช่เย็นไว้ประมาณ 20 นาที พอครบ 20 นาทีก็นำแป้งออกมารีดบางๆ ตามยาวให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณ 40 ซม. ด้านกว้างไม่ต้องไปกังวลนะคะ จากนั้นก็พับเหมือนจดหมาย แล้วนำไปแช่เย็น 20 นาที ทำซ้ำๆ กันแบบนี้อีก 2 รอบค่ะ (รอบที่ 1 ใส่เนยแล้วรีดแป้ง ส่วนรอบที่ 2 และ 3 แค่รีดแป้งแล้วพับค่ะ) ระหว่างพักแป้งก็มาทำไส้พุดดิ้งรอไว้เลยนะคะ

ส่วนผสมพุดดิ้ง

  • นมสด 200 มล.
  • นมผง 1 ชต.
  • แป้งเอนกประสงค์ 1 ชต.
  • แป้งข้าวโพด 1 ชต.
  • ไข่แดง 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • เนยเค็ม 10 กรัม
  • วานิลา 1 ชช.

ใส่แป้งเอนกประสงค์และแป้งข้าวโพดลงในนมสด คนให้แป้งละลายหมดไม่เหลือเป็นเม็ด ตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายให้ฟู แล้วเทนมใส่ลงไปในไข่ คนให้เข้ากัน แล้วนำไปตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน คนตลอดเวลาจนส่วนผสมร้อนและเริ่มข้น ลดเหลือไฟอ่อนสุด คนต่อไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมข้นเนียนเป็นพุดดิ้ง แล้วยกลงจากเตา ใส่เนยและวานิลาคนจนเนยละลายหมด ใช้พลาสติกใสปิดหน้าพุดดิ้ง พักไว้ให้เย็นค่ะ

เมื่อพักแป้งรอบ 3 ครบ 20 นาทีแล้วก็นำออกมาคลึงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาประมาณ 3 มล. แล้วตัดทำรูปร่างตามชอบค่ะ

อันนี้รูปกังหันก็ตัดแป้งเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัดมุมสี่ด้าน ใส่ไส้ลงไป แล้วพับมุมเข้าหากันให้เป็นรูปกังหัน แล้ววางเชอรี่เชื่อทับจุดต่อของแป้ง

ถ้าจะทำเป็นวงกลมแบบรูปบนก็ตัดแป้งตามยาวเป็นเส้นกว้างประมาณ 5 มม. แล้วม้วนแป้งเป็นวงกลม วางบนถาดอบที่ปูกระดาษไข บีบพุดดิ้งลงไปบนแป้ง แล้วตักแยมประมาณ 1/4 ชช. หรือเชอรี่เชื่อมใส่ตรงกลางพุดดิ้ง

รูปนี้ง่ายสุด แค่ตัดแป้งเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส บีบพุดดิ้ง แล้วพับมุมสองข้างเข้าหากันเท่านั้นเองค่ะ

หลังทำรูปร่างแล้วก็พักแป้งให้ขึ้นอีกประมาณ 60 นาที พอครบ 60nนาทีแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190 องศาเซลเซียสค่ะ ระหว่างอุ่นเตาอบก็นำไข่แดงมาคนให้เข้ากันกับนมสด ใช้แปรงนุ่มๆ ชุบไข่แดงทาเดนิชให้ทั่วแล้วแต่งด้วยอัลมอนด์สไลด์พองามค่ะ

เมื่อเตาอบร้อนก็นำถาดเดนิชวางไว้ตรงชั้นกลางของเตาอบ ใช้เวลาอบประมาณ 15-18 นาทีค่ะ เมื่ออบสุกนำออกมาวางบนตะแกรง เคลือบผิวด้วยไอซิ่ง (ผสมน้ำตาลไอซิ่ง 40 กรัม + นมอุ่น 1 ชต. คนให้เนียน แล้วนำไปทาผิว) หรือจะทาผิวด้วยแยมแอพริคอทก็ได้ค่ะ แต่ปกติเราไม่ได้ทาหรือเคลือบอะไรเลยก็อร่อยพอแล้วค่ะ

รูปกังหันลม ที่ทำเมื่อวานค่ะ แต่ไม่ได้ทำกินเอง เอาไปให้พ่อกับแม่สามีค่ะ ท่านชอบมากๆ

อันนี้รูปอ้วนๆ ป้อมๆ ผิวแป้งกรอบเชียว แต่เนื้อในนุ่มดีค่ะ

รูปวงกลมนี้เป็นรูปที่หัดทำเดนิชเป็นครั้งแรกค่ะ ใส่แยมตรงกลางแทนเชอรี่

แบบสุดท้าย ตัดแป้งเป็นเส้นยาวๆ เหมือนแบบกลมรูปบน ต่างกันแค่บิดให้เป็นเกลียวก่อนขดเป็นวงกลมค่ะ แต่แบบนี้ไม่ต้องแปะอัลมอนด์สไลด์นะคะ จะได้เห็นเกลียวสวยๆ

Orange Lemon Curd Tart

วันนี้ทำทาร์ตเคิร์ดสนองความ Takla ของตัวเองค่ะ คนอื่นๆ ในครอบครัวไม่ค่อยชอบกิน สรุปว่าทำเองกินเองคนเดียวหมดเลยค่ะ ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ไม่พอใจหรือไม่ชอบหรอกนะคะ ดีออกค่ะไม่มีคนแย่งกิน

ส่วนผสมแป้งพาย สำหรับพิมพ์ทาร์ตขนาด 18 ซม. 2 พิมพ์ (เราทำแค่ครึ่งสูตรแล้วใส่พิมพ์เล็กๆ แทนนะคะ)

  • เนยสดเย็น 75 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
  • น้ำตาลทราย 56 กรัม
  • น้ำตาลวานิลา 1 ซอง
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • ผงฟู 1/4 ชช.(ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
  • ผิวมะนาว 1/2 ชช.(ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
วิธีทำ

ร่อนแป้งรวมกับน้ำตาลทราย น้ำตาลวานิลา และเกลือรวมกัน พักไว้ ใส่เนยในอ่างผสม ตีพอเนียน ใส่ส่วนผสมแป้ง ผิวมะนาว และไข่ไก่ที่ตีพอแตกลงไปตีรวมกันด้วยความเร็วต่ำแป๊บเดียว พอส่วนผสมเกาะตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวก็หยุดตี รวบแป็งเป็นก้อนกลม กดให้แบนนิดหน่อย ห่อด้วยพลาสติกใส แล้วนำไปแช่เย็นประมาณ 20-30 นาทีค่ะ ระหว่างพักแป้งก็ไปทำตัวเคิร์ดรอไว้นะคะ

ส่วนผสมเคิร์ด สำหรับพิมพ์ทาร์ตขนาด 18 ซม. 2 พิมพ์

  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 3 ฟอง
  • ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 115 กรัม
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • น้ำส้มคั้น 100 กรัม
  • น้ำมะนาว 30 กรัม
  • เนยสด 90 กรัม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ไว้ค่ะ
  • ผิวมะนาวขูดจากมะนาว 1 ลูก หรือใครจะใช้ผิวส้มแทนก็ได้ค่ะ

ผสมน้ำส้มและน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน นำหม้อใส่น้ำตั้งไฟให้ร้อนแล้วลดไฟอ่อนสุด ใส่ไข่ น้ำตาลทราย และเกลือลงในอ่างผสม นำอ่างวางบนหม้อน้ำร้อน (วิธีเดียวกับ Double boiler) ใช้ตะตร้อมือคนส่วนผสมตลอดเวลาประมาณ 3-5 นาที จนเริ่มข้น แล้วจึงค่อยๆ รินน้ำผลไม้ลงไปคนรวมกัน คนไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ จนส่วนผสมกลายเป็นครีมข้น ใช้เวลาประมาณ 8-10 นาทีค่ะ จากนั้นใส่เนยลงไปคนจนเนยละลายหมด เคี่ยวต่ออีกประมาณ 1 นาที แล้วปิดไฟ ใส่ผิวมะนาวขูดลงไปคนให้เข้ากัน ก่อนเทใส่ภาชนะ ใช้พลาสติกแร็ปหน้าเคิร์ดไว้ พักไว้ให้เย็นรอใส่ไส้ค่ะ

อุ่นเตาอบที่อุณภูมิ 200 องศาเซลเซียส เมื่อพักแป้งครบเวลาแล้วก็นำแป้งออกจากตู้เย็น คลึงเป็นแผ่นกลมๆ บางๆ แล้วนำมากรุใส่ในพิมพ์ทาร์ต ใช้นิ้วกดแป้งให้ติดรอบๆ พิมพ์ทาร์ต แล้วใช้ส้อมจิ้มแป้งให้ทั่ว จากนั้นตัดกระดาษไขมากรุบนแป้งทาร์ต แล้วใส่ข้าวสารลงไปบนกระดาษไข นำเข้าอบโดยวางไว้ชั้นกลางของเตาอบประมาณ 10 นาที แล้วนำออกจากเตา เอากระดาษไขและข้าวสารออกจากพิมพ์ นำทาร์ตเข้าอบต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าแป้งจะสุกและมีสีเหลืองทองทั่วพิมพ์

นำพิมพ์ออกจากเตาอบ พักให้เย็นในพิมพ์ประมาณ 10 นาทีแล้วเคาะทาร์ตออกจากพิมพ์ พักให้เย็นสนิทบนตะแกรงก่อนใส่ไส้เคิร์ดที่ทำรอไว้ค่ะ




ครัวซองสูตรเร่งรัด (3 ชั่วโมง) : butter croissants



นี่คือครัวซองสูตรรีบทำรีบกินค่ะ ใช้เวลาทำแป๊บๆ (แป๊บแม้วนะคะ 55) ไม่นานเหมือนสูตร 2 วัน 1 คืน แต่แป้งก็รีดง่ายดีค่ะ เนื้อแป้งค่อนข้างนิ่มเลยรีดไม่ยาก วันนี้ที่เราทำอากาศค่อนข้างร้อนแต่ก็ทำได้ราบรื่นดี เนยไม่มีปริมีปลิ้นค่ะ  พอตอนอบก็พองฟูตอนเอาออกจากเตาอบ จับวางบนตะแกรงตัวครัวซองงี้เบาโหวงเลย แล้วตอนกัดกินเนี่ยได้ใจจริงๆ ผิวบางกรอบ กร๊อบ ข้างในนุ่มโปร่ง อร่อยคุ้มค่าเวลาทำจริงๆ ค่ะ

ส่วนผสมแป้ง สำหรับครัวซองประมาณ 8 ตัว
  • แป้งขนมปัง 250 กรัม
  • นมสด 140 กรัม
  • ยีสต์แห้ง 5 กรัม (ยีสต์สด 15 กรัม)
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • เกลือป่น 5 กรัม
  • วานิลาบัทเทอร์ 1/3 ชช
บล็อกเนย

  • เนยสดเย็น 120 กรัม
นอกจากนั้น
  • ไข่แดง1 ฟอง+นมสด 1 ชต. สำหรับทาผิวก่อนอบ
วิธีทำ


ใส่ยีสต์ น้ำตาลทราย และนมสดลงไปในอ่างผสม คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายแล้วจึงใส่แป้ง เกลือ และวานิลาลงไปผสม นวดจนส่วนผสมเข้ากันดี เราใช้เครื่องตีมือถือหัวเกลียวนวดประมาณ 1-2 นาทีค่ะ 

เสร็จแล้วก็รวบแป้งเป็นก้อนกลม (หรือสี่เหลี่ยม) โรยแป้งนวลบางๆ ห่อพลาสติกใสให้มิดชิดแล้วนำไปแช่เย็นไว้ 30 นาทีค่ะ


จากนั้นนำแป้งออกมาคลึงให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาประมาณ 1/3 ซม. โดยให้ความยาวมากกว่าความกว้างสัก 3 เท่านะคะ (เช่น ยาว 40 ซม. กว้าง 15 ซม.) 

เสร็จแล้วนำเนยออกจากตู้เย็นใส่ถุงพลาสติก แล้วรีดเนยให้ด้านกว้างมีขนาดเกือบเท่าความกว้างของแป้ง และความยาวประมาณ 2/3 ของแผ่นแป้ง (รูปที่ 1 คือบล็อกเนยค่ะ พอดีเราใส่รูป 1 กับ 2 สลับกัน) จากนั้นนำบล็อกเนยวางไว้ด้านใดด้านหนึ่งของแผ่นแป้งค่ะ (รูปที่ 4) พับแป้งด้านที่ไม่มีเนยลงมาทับเนย แล้วตลบปลายแป้งอีกด้านมาทับกันอีกที ทำเหมือนพับจดหมายน่ะค่ะ (รูปที่ 5-6) 

จากนั้นก็รีดแป้งตามยาวให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณ 40 ซม. ส่วนด้านกว้างไม่ต้องสนใจแล้วค่ะ เริ่มรีดจากตรงกลางแป้งไปด้านบน และจากกลางแผ่นแป้งลงด้านล่าง พยายามกดน้ำหนักไม้ให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องออกแรงมาก และอย่ารีดไปรีดมาบ่อยๆ นะคะ เดี๋ยวเนยจะคลายความเย็นแล้วจะซึมเข้าตัวแป้งแล้วปลิ้นออกมา ใช้เวลารีดแป้งไม่เกิน 2 นาทีนะคะ (รูปที่ 7)  ถ้าใช้เวลารีดนานเกินไปจนเนยซึมเข้าตัวแป้ง เมื่ออบแล้วครัวซองจะไม่โปร่งเบาและไม่เห็นเป็นชั้นค่ะ 

จากนั้นก็พับปลายทั้งสองด้านเข้าหากัน แล้วพับทบอีกครั้งเหมือนหนังสือค่ะ (รูปที่ 8-9)  ใช้นิ้วจิ้มแป้ง 1 ครั้งเพื่อทำเครื่องหมายไว้ว่าได้รีดแป้งไป 1 ครั้งแล้ว ใช้พลาสติกใสหรือถุงพลาสติกหุ้มแป้งให้มิดชิด นำไปแช่เย็น 20 นาที (ถ้าอากาศร้อนมากๆ อาจต้องพักแป้งนานถึง 30 นาทีค่ะ)


นำแป้งออกมารีด พับ และแช่เย็นอีก 2 รอบค่ะ (รอบที่ 1 ใส่เนยแล้วรีดแป้ง ส่วนรอบที่ 2 และ 3 แค่รีดแป้งแล้วพับค่ะ อย่าลืมใช้นิ้วจิ้มแป้งทำสัญลักษณ์จำนวนครั้งของการรีดพับไว้กันลืมเหมือนในรูปที่ 15 ด้วยนะคะ)  พักแป้งรอบสุดท้ายก่อนรีดประมาณ 30-45 นาทีนะคะ


เมื่อพักแป้งครบ 3 รอบแล้วก็นำออกมาคลึงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาประมาณ 2-3 มล. แล้วตัดเป็นรูป 3 เหลี่ยม กรีดตรงกลางด้านกว้างประมาณ 1.5 ซม. แล้วพับปลายทั้งสองด้านก่อนม้วนเป็นรูปครัวซองค่ะ นำครัวซองวางบนถาดอบที่ปูกระดาษไว้แล้วใช้พลาสติกใสคลุมครัวซองไว้ พักในที่อุ่น (แต่ไม่ควรร้อนเกิน 40 ซีนะคะ) ให้ขึ้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนกว่าจะเห็นว่าครัวซองขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อสัมผัสเบาๆ แล้วรู้สึกว่ามันหยุ่นๆ หยุยๆ เบาๆ โปร่งๆ ก็อุ่นเตาได้เลยค่ะ

เมื่อแป้งขึ้นดีแล้วก็จัดการอุ่นเตาอบไว้ที่ 200 ซี ตีไข่แดงกับนมพอเข้ากัน นำมาทาผิวครัวซองให้ทั่ว นำถาดวางชั้นกลางของเตา อบประมาณ 10 นาที แล้วลดเหลือไฟ 180 ซี อบต่ออีกประมาณ 10-15 นาทีค่ะ



เมื่ออบสุกดีแล้วก็นำครัวซองออกจากเตาอบ พักบนตะแกรงให้อุ่นซะก่อนค่อยทานนะคะ ขืนจัดการตอนร้อนๆ เดี๋ยวลวกปากลวกลิ้น หมดอร่อยกันพอดีค่ะ หากไม่ได้ใส่ไส้ให้ครัวซองก็กินกับแยม นูเทล่า หรือผ่าครึ่งตอนที่ยังอุ่นๆ แล้วใส่ผักสลัด แฮมและชีสก็อร่อยมากๆ เลยค่ะ คนที่บ้านชอบกินแบบนี้มาก


ครัวซองนี่ควรอบให้ข้างในสุกจริงๆ นะคะ ถึงจะเห็นข้างในเป็นชั้นๆ หากอบไม่สุกดีข้างในจะไม่โปร่ง เวลากัดก็อารมณ์เหมือนกำลังกินขนมปังมากกว่าครัวซองค่ะ กัดโชว์ตอนอุ่นๆ ค่ะ ตอนกัดนี่หลับตาพริ้มเห็นสวรรค์เลย (เวอร์ค่ะเวอร์)

Saturday, May 23, 2009

มาคารองเนคทารีน : Nectarine Macarons

วันนี้จู่ๆ ก็นึกอยากกินแอพริคอทมาคารองขึ้นมาเฉยๆ แต่ดันไม่มีแอพริคอทติดบ้าน ขี้เกียจบดอัลมอนด์เอง ขี้เกียจเดินไปซื้อด้วย ขี้เกียจโน่น ขี้เกียจนี่ แต่ก็ยังอยากกินอยู่มากๆ สุดท้ายเลยใช้เนคทารีนแก้ขัดค่ะ ทำเหมือนสูตรแอพริคอททุกอย่าง แค่เปลี่ยนผลไม้เป็นเนคทารีนเท่านั้นเอง ทำแค่ 8 คู่เองค่ัะ กินคนเดียวเลย ตอนนี้หายอยากแล้ว :-)

ดูเหมือนครั้งนี้จะใส่อัลมอนด์น้อยไปนิด น้ำตาลเยอะไปหน่อย อบนานไปด้วย แถมสีก็ซีดๆ ตอนทำไม่ได้ชั่งส่วนผสมเป๊ะๆ ด้วยค่ะ น้ำตาลทรายก็กะเอา ไข่ขาวก็ไม่ได้ชั่ง แต่ที่ออกมาก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนะคะ พอแหลกล่าย ฮ่าๆ

ใครอยากลองทำชิมบ้างก็ตามไปเก็บสูตรที่บล็อกแอพริคอทมาคารองเลยนะคะ

ทาร์ตป๊อบปี้ซี้ด : Poppy Seed Tart


Poppy Seed Tart เนี่ยทำให้คุณฝาชีและพ่อแม่ค่ะ บ้านนี้ชอบกินทุกอย่างที่มีส่วนผสมของเจ้าเม็ดฝิ่นเนี่ยจริงๆ ไม่ว่าจะโรยหน้าขนมปัง ทำเป็นไส้ปังโรล ทำมาคารูน เค้กฯลฯ ก็ปลื้มกันทั้งบ้านยกเว้นคนทำค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบกินนะคะ แต่แพ้ค่ะ กินทีไรจะเกิดอาการคันหน้าคันตาทุกที ก็อดไปค่ะ

ส่วนผสมแป้ง สำหรับพิมพ์ทาร์ตขนาด 18 ซม. 2 พิมพ์
  • เนยสดเย็น 75 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
  • น้ำตาลทราย 56 กรัม
  • น้ำตาลวานิลา 1 ซอง
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • ผงฟู 1/4 ชช.(ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
  • ผิวมะนาว 1/2 ชช.(ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)

วิธีทำ

ร่อนแป้งรวมกับน้ำตาลทราย น้ำตาลวานิลา และ เกลือรวมกัน พักไว้ ใส่เนยในอ่างผสม ตีพอเนียน ใส่ส่วนผสมแป้ง ผิวมะนาว และไข่ไก่ที่ตีพอแตกลงไปตีรวมกันด้วยความเร็วต่ำแป๊บเดียว พอส่วนผสมเกาะตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวก็หยุดตี รวบแป็งเป็นก้อนกลม กดให้แบนนิดหน่อย ห่อด้วยพลาสติกใส แล้วนำไปแช่เย็นประมาณ 20-30 นาทีค่ะ ระหว่างพักแป้งก็ไปทำไส้ป๊อปปี้ซี้ดรอไว้นะคะ

ส่วนผสมไส้ป๊อปปี้ซี้ด
  • เนยเค็ม 25 กรัม
  • นมสด 150 มล.
  • ป๊อปปี้ซี้ด 100 กรัม (ล้างน้ำอุ่น คั่ว บดละเอียดหรือไม่บดก็ได้ค่ะ)
  • อัลมอนด์มีล 30 กรัม
  • แป้งสำหรับทำพุดดิ้ง 15 กรัม (ภาษาเยอรมันเรียก Grieß) หาไม่ได้ใช้
    แป้งข้าวโพดหรือแป้งเค้กแทนได้ค่ะ
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • น้ำตาลวานิลา 1 ซอง (ถ้าใช้กลิ่นวานิลารอใส่ตอนปิดไฟแล้วนะคะ)
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • ลูกเกดหั่นเล็กๆ 25 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดเล็ก 1 ฟอง
วิธีทำ

ใส่เนยและนมในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเนยละลายหมด ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดยกเว้นไข่ลงไปคนเข้ากัน (หากใช้แป้งข้าวโพดหรือแป้งเค้กให้ละลายกับนมสดก่อนใส่นะคะ) จากนั้นปิดไฟ พักให้อุ่นแล้วจึงใส่ไข่ลงไปคนให้เข้ากัน พักให้เย็นค่ะ

อุ่นเตาอบที่อุณภูมิ 200 องศาเซลเซียส เมื่อพักแป้งครบเวลาแล้วก็นำแป้งออกจากตู้เย็น คลึงเป็นแผ่นกลมๆ บางๆ แล้วนำมากรุใส่ในพิมพ์ทาร์ต ใช้นิ้วกดแป้งให้ติดรอบๆ พิมพ์ทาร์ต แล้วใช้ส้อมจิ้มแป้งให้ทั่ว เทไส้ป๊อปปี้ซี้ดที่เย็นแล้วใส่ลงไปประมาณ 3/4 ของพิมพ์ แล้วนำเศษแป้งที่เหลือมาสานเป็นตาข่ายปิดหน้าทาร์ต นำเข้าอบโดยวางไว้ชั้นกลางของเตาอบประมาณ 30 นาที หรือจนกว่าแป้งจะสุกและมีสีเหลืองทองทั่วพิมพ์ นำขนมออกจากเตาอบ พักให้เย็นในพิมพ์ประมาณ 10 นาทีแล้วเคาะทาร์ตออกจากพิมพ์ พักให้เย็นสนิทบนตะแกรง หม่ำได้แล้วค่ะ

รูปบนนี้ทำครัมพ์โรยหน้า ไม่ใช่อะไรค่ะ พอดีแป้งพายหมดน่ะ ใครจะทำตามก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะ


โรลชาเขียว : matcha roll cake


ส่วนผสมตัวเค้ก
สำหรับถาดอบขนาด 22x32 ซม.

ส่วนไข่แดง

  • แป้งเค้ก 70 กรัม
  • ผงชาเขียว 5 กรัม
  • นมผง 1 ชต.
  • ผงฟู 2/3 ชช.
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย(1) 50 กรัม
  • ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • นมสด 45 กรัม
  • น้ำมันพืช 35 กรัม
ส่วนไข่ขาว
  • ไข่ขาวขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย(2) 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
ส่วนผสมอื่นๆ
  • วิปปิ้งครีม 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 1 ชต.
  • เจลาติน 1 แผ่น
หมายเหตุ ไข่ไก่ที่เราใช้น้ำหนักชั่งรวมเปลือกประมาณ 70-72 กรัมค่ะ

วิธีทำ

เตรียมถาดอบปูกระดาษไขให้เรียบร้อย แล้วอุ่นเตาอบ 190C ไว้ด้วยนะคะ จากนั้นก็หั่นร่อนแป้งกับผงชาเขียว นมผง และผงฟูรวมกัน 2 ครั้ง เทใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป ใช้ตะกร้อมือคนพอเข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง ใส่ไข่แดง นมสด และน้ำมันพืชในบ่อแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ ให้แป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ แล้วพักไว้(คนแค่แป๊บเดียวนะคะ ถ้าคนนานแป้งจะเหนียวเกาะกันเป็นปื้นค่ะ)

ตีไข่ขาวกับน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำให้ฟู แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนเกือบแข็งและไข่มีฟองที่ละเอียดมาก แล้วนำไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้วมาผสมกับส่วนไข่แดง โดยแบ่งใส่สองครั้ง ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เสร็จแล้วเทใส่ถาดอบที่ปูกระดาษไขไว้แล้ว เกลี่ยให้เรียบเสมอกัน แล้วเคาะถาดเบาๆ 2 ครั้งเพื่อไล่อากาศก่อนนำเข้าเตาอบโดยวางไว้ชั้นที่สองจากล่าง อบไฟบน-ล่างประมาณ 8-10 นาทีค่ะ ทดสอบเค้กโดยใช้นิ้วแตะผิวเค้กเบาๆ ถ้าเค้กสปริงตัวไม่ทิ้งรอยไว้ก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ หรือใครจะใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดมาก็โอเคค่ะ

เมื่ออบเค้กใกล้สุกแล้วก็ตัดกระดาษไขปูไว้บนโต๊ะ โรยน้ำตาลทรายบางๆ ให้ทั่ว เมื่อเค้กสุกก็นำออกจากเตา พักให้อุ่นสัก 2 นาที แล้วคว่ำเค้กบนกระดาษไข ดึงกระดาษออกจากแผ่นเค้ก จากนั้นก็ม้วนเค้กหลวมๆ โดยม้วนทั้งที่ยังร้อนอยู่โดยม้วนกระดาษเข้าไปด้วย ม้วนไว้อย่างนั้นจนเค้กอุ่นจนเกือบเย็นอุณหภูมิห้องก็คลี่ผ้าและเค้กออกเบามือค่ะ ทำรุนแรงไประวังเค้กจะหักนะคะ

นำเจลาตินแช่น้ำเย็นประมาณ 10 นาทีจนนิ่ม แล้วเทน้ำเย็นออก ใส่น้ำร้อนประมาณ 1/2 ชต. ลงไปคนจนเจลาตินละลายหมด พักให้อุ่น แล้วจัดการตีวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลทรายจนตั้งยอด ใส่เจลาตินละลายลงไปตีพอเข้ากันแล้วหยุด นำครีมที่ได้ไปปาดหน้าเค้กให้ทั่ว แล้วม้วนเค้กกลับคืนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ต้องม้วนกระดาษเข้าไปด้วยนะคะ เสร็จแล้วก็เอากระดาษห่อไว้ นำเค้กเข้าตู้เย็นประมาณ 3 ชม. ให้ครีมอยู่ตัวและทำให้ตัดเค้กได้เรียบสวยค่ะ

เค้กสตรอว์เบอรี่พุดดิ้ง : strawberry pudding cake


เค้กพุดดิ้งสตรอว์เบอรี่เป็นหนึ่งในเค้กโปรดของเราเลยค่ะ รู้สึกว่ารสชาติทุกอย่างมันลงตัวไปหมด ชอบมากกก ช่วงที่สตรอว์เบอรี่ออกเยอะ ๆ เนี่ย เราทำบ่อยจริงๆ โปะสตอรว์เบอรี่ไปเยอะๆ โอย.. พูดแล้วน้ำลายสอ อยากกินอีกแล้วค่ะ

ส่วนผสม สำหรับพิมพ์ขนาด 26 ซม.
ส่วนผสมตัวเค้ก
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 4 ฟอง
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • ผิวมะนาวขูดจากมะนาว 1 ลูก
  • วานิลาเอ๊กซ์แทร็ค 1/2 ชช.
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • น้ำมันพืช 2 ชต.
  • แป้งเค้ก 120 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ชช.
วิธีทำ
อุ่นเตาอบไว้ที่ 180°C/350°F. ตัดกระดาษไขรองก้นพิมพ์ แล้วร่อนแป้งกับผงฟูรวมกัน พักไว้ก่อนค่ะ

ตอกไข่ใส่อ่างผสม เติมเกลือป่น ผิวมะนาว และวานิลาลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำประมาณ 30 วินาที หรือจนกระทั่งไข่อุ่นอุณหภูมิห้อง จากนั้น เปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายทีละน้อย ตีจนไข่ข้นและมีสีขาวนวล เติมน้ำมันพืชแล้วตีให้เข้ากันอีกประมาณ 30 วินาทีค่ะ

ร่อน 1/3 ของแป้งที่ร่อนไว้บนส่วนผสมไข่ ตะล่อมด้วยตะกร้อมือหรือพายยางเบาๆ ให้เข้ากันดี ทำแบบนี้ซ้ำอีก 2 ครั้งจนหมดแป้งค่ะ ขั้นตอนนี้ ต้องทำเบามือและเร็วนิดนึงนะคะ ไม่งั้นมีสิทธิ์ได้กินเค้กเนื้อแน่น เป็นไตแข็ง แล้วก็ไม่ฟูค่ะ เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วก็เทใส่พิมพ์แล้วนำเข้าอบ ประมาณ 25 นาทีหรือจนเค้กสุกค่ะ เช็คสุกด้วยการใช้ปลายนิ้วแตะตรงกลางเค้กเบา ๆ หากเค้กสปริงตัวกลับมาก็แสดงมาเค้กสุกแล้ว หรือจะใช้ไม้จิ้มฟัมทิ่มตรงกลางเค้กก็ได้ค่ะ หากไม่มีแป้งติดไม้มาแสดงว่าเค้กสุกแล้วค่ะ นำเค้กออกจากเตาอบแล้วแซะออกจากพิมพ์ทันที วางเค้กบนตะแกรงให้เย็นสนิทค่ะ

 

ส่วนผสมฐานครัสท์
  • เนยสดเย็น 40 กรัม
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • วานิลาเอ๊กซ์แทร็ค 1/4 ชช.
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  • แยมแอพริคอท 2 ชต.
วิธีทำ
อุ่นเตาอบไว้ที 200°C/400°F ตีเนยรวมกับไข่แดง น้ำตาลทราย วานิลา และเกลือพอเข้ากัน แล้วใส่แป้งลงไปตีด้วยความเร็วต่ำแค่พอเข้ากัน อย่าตีนานนะคะเดี๋๋ยวแป้งเหลว จากนั้นก็คลึงแป้งเป็นแผ่นกลมให้ใหญ่กว่าฐานพิมพ์นิดหน่อย ประมาณ 3 มม. แล้วใช้ฐานพิมพ์วัดแล้วตัดให้ได้ขนาดเดียวกัน นำแป้งเข้าอบประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะมีสีน้ำตาลสวยค่ะ จากนั้นนำออกจากเตาอบ แซะออกจากพิมพ์ แล้วพักไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิทค่ะ
ส่วนผสมพุดดิ้งวานิลา
  • นมสด 250 มล.
  • แป้งอเนกประสงค์ 1 ชต.
  • แป้งข้าวโพด 1 ชต.
  • ไข่ทั้งฟอง 1 ฟอง
  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • เนยสด 1 ชต.
  • วานิลาเอ๊กซ์แทร็ค 1 ชช.
วิธีทำ
ใส่นมในอ่างผสม แล้วเติมแป้งทั้งสองชนิดลงไป คนให้เข้ากันแล้วพักไว้ก่อน หันไปตีไข่กับน้ำตาลทรายให้เข้ากันแล้วเทใส่อ่างนม คนให้เข้ากัน แล้วกรองผ่านกระชอนตาถี่ๆ ใส่หม้อค่ะ

นำหม้อตั้งไฟอ่อน แล้วคนตลอดเวลาจนส่วนผสมสุกและข้น ปิดเตาแล้วใส่เนยและวานิลาลงไปคนให้เข้ากันและเนยละลายหมด เทพุดดิ้งใส่ชาม แล้วใช้พลาสติกใสคลุมหน้าพุดดิ้งไว้ เพื่อกันไม่ให้พุดดิ้งจับตัวกันเป็นก้อน พักไว้ให้เย็นอุณหภูมิห้องค่ะ



เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเย็นได้ที่แล้วก็นำฐานครัสท์มาทาด้วยแยมแอพริคอทให้ทั่ว แล้ววางเค้กลงไปบนครัสท์กดเบาๆ พอให้ติดกัน แล้วปาดพุดดิ้งบนหน้าเค้กให้ทั่ว พักไว้ก่อนค่ะ

ส่วนผสมท็อปปิง
  • สตรอว์เบอรี่สด 500 กรัม
  • น้ำผลไม้สีแดง 200 มล. (จะเป็นน้ำองุ่นหรืออะไรก็ได้ค่ะ ขอให้เป็นสีแดงและมีรสชาติเปรี้ยวๆ เป็นพอ เราใช้น้ำ redcurrent)
  • น้ำสะอาด 50 มล.
  • ผงวุ้น (cake glanz) 12 กรัม
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม (หากใครใช้น้ำผลไม้ที่มีรสหวานก็ลดน้ำตาลลงนะคะ)
  • ถั่วพิสตาชิโออบแล้วสับ 100 กรัม
วิธีทำ
ล้างสตรอว์เบอรี่ผ่านน้ำเย็นแล้วใช้กระดาษซับน้ำให้แห้ง ตัดขั้วสตรอว์เบอรี่และผ่าครึ่ง/ผ่าสี่/หั่นตามชอบ หรือใครจะใช้ทั้งลูกไม่ต้องหั่นเลยก็ได้ค่ะ จากนั้นวางสตรอว์เบอรี่บนพุดดิ้งให้ทั่วค่ะ

เทน้ำผลไม้ น้ำสะอาด ผงวุ้น และน้ำตาลทรายใส่หม้อ คนให้เข้ากันจนผงวุ้นละลายหมด นำหม้อตั้งไฟกลาง คนตลอดเวลาจนเดือดก็ปิดไฟ พักให้เย็นสัก 2 นาที แล้วใช้ตะกร้อมือคนแรงๆ ก่อนใช้แปรงชุบวุ้นทาสตรอว์เบอรี่ให้ทั่ว ทำเร็วๆ นิดนึงนะคะไม่งั้นวุ้นจะจับตัวกันค่ะ หรือถ้าขี้เกียจทาก็ใช้พลาสติกพันรอบเค้กแล้วราดวุ้นบนสตรอว์เบอรี่ก็ได้ค่ะ

สุดท้ายก็ปาดพุดดิ้งที่เหลือให้รอบๆ เค้ก จากนั้นก็โปะด้วยพิสตาชิโอเพื่อแต่งขอบเค้ก แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ

เค้กนี้ใช้เวลาทำค่อนข้างนาน สำหรับคนที่มีความอดทนต่ำมากๆ อย่างเราเนี่ยต้องใช้ความพยายามมากค่ะ แต่พอทำเสร็จแล้วคุ้มมากๆ เลย


ตอนนี้ได้เวลาอร่อยแล้ว มาตัดเค้กกันดีกว่านะคะ มีใครอยากลองชิมมั่งมั้ยคะ กินแล้วมันช่างแสนจะชื่นใจ ทำตั้งนานแต่ใช้เวลากินแป๊บเดียวเอง แต่มันอร่อยจริง ๆ นะ เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ มัน ๆ เรา ชอบมาก ๆ เลยค่ะ
 
หรือใครจะทำใส่พิมพ์เล็ก ๆ แบบนี้ก็ได้ค่ะ น่ารักดี เจ้าตัวเล็กพวกนี้เป็นผลผลิตที่ได้จากเศษครัสท์ที่เหลือ แล้วเราก็แอบแบ่งส่วนผสมเค้กมาใส่พิมพ์เล็กๆ อบหน่อย เลยได้เจ้าตัวเล็กเพิ่มมา 2 ก้อนค่ะ แรกๆ ที่ทำเค้กนี้เราติดใจมากๆ ทำติดกัน 4 วันเลยค่ะ อบกินเองด้วย ทำแจกและเป็นของฝากให้เพื่อนแฟนด้วย พอดีไปเก็บสตรอว์เบอรี่มาได้ตั้ง 3 กก. กว่าๆ ช่วงนั้นก็ทำกระหน่ำเค้กเพลินเลยค่ะ


มาคารองวนิลา : Vanilla Macarons

มาคารองรสสุดโปรดโปรดสุดของเราค่ะ อบทีไรหอมกลิ่นวานิลาอบอวลทั่วบ้านจริงๆ เราชอบกินทั้งแบบใส่ไส้และไม่ใส่ไส้ แล้วแต่ความขยันค่ะ ถ้าขี้เกียจมากๆ อบปุ๊บแซะแล้วกินเลยอยู่บ่อยๆ แต่ส่วนมากจะขยันค่ะ ฮ่า

ส่วนผสม สำหรับมาคารง 10-12 คู่
  • อัลมอนด์มีล 40 กรัม
  • วานิลาบีนชนิดผง 1 ชช.
  • น้ำตาลไอซิ่ง 65 กรัม
  • ไข่ขาวอุณหภูมิห้อง 35 กรัม (ประมาณไข่เบอร์เอ็ม 1 ฟอง)
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
วิธีทำ เตรียมถาดอบปูกระดาษไขรองไว้ให้เรียบร้อย นำถุงบีบใส่หัวบีบกลมวางไว้บนถ้วยหรือแก้วทรงสูง เตรียมไว้ให้พร้อมเลยค่ะ 
ผสมอัลมอนด์มีลกับไอซิ่งและผงวานิลาบีนเข้าด้วยกัน ใส่ในมิกเซอร์บดรวมกันแล้วก็นำไปร่อนผ่านตะแกรงตาห่าง 1 ครั้งค่ะ จากนั้นก็จัดการตีไข่ขาวกับเกลือด้วยความเร็วต่ำจนเป็นฟอง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นความเร็วสูง ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีผสมจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อนและผิวขึ้นเงาค่ะ สุดท้ายแบ่งส่วนผสมแห้งลงไปตะล่อมเบามือด้วยพายยางรวมกับไข่ขาวจนเข้ากันดี เราแบ่งใส่ 3-4 ครั้งค่ะ 
เทส่วนผสมใส่ถุงบีบแล้วบีบลงบนถาดที่เตรียมไว้ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 3-4 ซม. และบีบให้มาคารงห่างกันประมาณ 5 ซม. ค่ะ เมื่อบีบจนส่วนผสมหมดแล้วก็พักมาคารงไว้ประมาณ 30-60 นาทีจนผิวแห้งดีก่อนส่งเข้าเตาอบค่ะ

อุ่นเตาอบ 125 องศาเซลเซียส วางถาดตรงชั้นกลางของเตาอบไฟล่างอย่างเดียวประมาณ 8-10 นาที หรือจนกว่าจะสุก นำออกจากเตาอบแล้วพักขนมไว้บนถาดจนเย็นลงแล้วค่อยแซะขนมออกวางบนตะแกรง พักไว้ให้เย็นสนิทจึงใส่ไส้ หรือเก็บใส่กล่องปิดฝามิดชิดแล้วแช่เย็นไว้ทานได้หลายวันเลยค่ะ

ไส้บัตเตอร์ครีม-วานิลาบีน (หรือจะใช้ไส้คาราเมลบัตเตอร์ครีมจากพีนัทมาคารูนก็ได้ค่ะ เพียงแต่เพิ่มวานิลาบีนไป แล้วตัดถั่วลิสงกับช็อคโกแล็ตออกเท่านั้น)
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 1 ชต.
  • วานิลาบีน 1/2 ฝัก (เราใช้วานิลาบีนชนิดผง 1/2 ชช.)
  • เนยสด 50 กรัม
ใส่ไข่แดง น้ำตาลทราย วิปปิ้งครีม และวานิลาในหม้อใบเล็ก นำไปตุ๋นไฟอ่อนสุด คนตลอดเวลาจนข้นเป็นเคิร์ด พักไว้ให้เย็นอุณหภูมิห้อง หันไปตีเนยสดจนฟู แล้วตักครีมวานิลาใส่ลงไปในอ่างเนยครั้งละ 1 ชต. ตีหรือคนด้วยตะกร้อมือรวมกับเนยให้เข้ากัน แช่เย็นไว้รอใส่ไส้มาคารองค่ะ

ป๊อปปี้ซี้ดมาคารอง : Poppy Seed Macarons

ส่วนผสม สำหรับมาคารง 10-12 คู่
  • อัลมอนด์มีล 35 กรัม
  • Poppy Seed 7 กรัม คั่วแล้วบดละเอียดค่ะ
  • น้ำตาลไอซิ่ง 65 กรัม
  • ไข่ขาวอุณหภูมิห้อง 35 กรัม (ประมาณไข่เบอร์เอ็ม 1 ฟอง)
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • สีน้ำเงิน 1-2 หยด (ครั้งนี้เราใช้แบบผงค่ะ)
วิธีทำ เตรียมถาดอบ 2 ถาด ปูกระดาษไขรองไว้ให้เรียบร้อย นำถุงบีบใส่หัวบีบกลมวางไว้บนถ้วยหรือแก้วทรงสูง เตรียมไว้ให้พร้อมเลยค่ะ 
ผสมอัลมอนด์มีลกับไอซิ่งและ Poppy Seed บดเข้าด้วยกัน แล้วนำไปบดอีกครั้งจนเนื้อละเอียดมากๆ เสร็จแล้วก็นำไปร่อนผ่านตะแกรงตาห่าง 1 ครั้งค่ะ จากนั้นก็จัดการตีไข่ขาวกับสีน้ำเงินและเกลือด้วยความเร็วต่ำจนเป็นฟอง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นความเร็วสูง ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีผสมจน ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนและผิวขึ้นเงาค่ะ สุดท้ายแบ่งส่วนผสมแห้งลงไปตะล่อมเบามือด้วยพายยางรวมกับไข่ขาวจนเข้ากันดี เราแบ่งใส่ 3-4 ครั้งค่ะ

เทส่วนผสมใส่ถุงบีบแล้วบีบลงบนถาดที่เตรียมไว้ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 3 ซม. และบีบให้มาคารงห่างกันประมาณ 5 ซม. ค่ะ เมื่อบีบจนส่วนผสมหมดแล้วก็พักมาคารงไว้ประมาณ 30 นาทีจนผิวแห้งดีแล้วจึงโรยหน้ามาคารูนด้วยเมล็ด Poppy Seed ก่อนส่งเข้าเตาอบค่ะ

อุ่นเตาอบ 160 องศาเซลเซียส วางถาดตรงชั้นกลางของเตาอบ ใช้ไม้คั่นฝาเตาอบให้แง้มไว้ตลอดเวลา อบไฟล่างอย่างเดียวประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะสุก นำออกจากเตาอบแล้วพักขนมไว้บนถาดประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยแซะขนมออกวางบนตะแกรง พักไว้ให้เย็นสนิทจึงใส่ไส้ หรือเก็บใส่กล่องปิดฝามิดชิดแล้วแช่เย็นไว้ทานได้หลายวันเลยค่ะ
ไส้บัตเตอร์ครีม-Poppy Seed
  • เนยสด 50 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 15 กรัม
  • Poppy Seed 5 กรัม คั่วแล้วบดละเอียด
  • อัลมอนด์คั่วบด 5 กรัม
ตีเนยสดกับน้ำตาลไอซิ่งจนเป็นครีมเนียนฟู แล้วจึงใส่ Poppy Seed และอัลมอนด์ลงไปตีพอเข้ากัน นำบัตเตอร์ครีมที่ได้ไปทามาคารอง 1 ชิ้น แล้วนำอีกชิ้นมาประกบค่ะ