Tuesday, August 31, 2010

ตำนานการทำ French Macarons ของเรา ยกกันมาเป็นกองทัพเลย...ชะเอิงเอย


เมื่อวานเพื่อนสาวเพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่เบอร์ลิน เธอเล่าให้ฟังว่าอยู่ที่โน่นเธอได้ซื้อมาคารอง 6 ชิ้น 6 รสเพื่อลองชิมดูว่ารสชาติมันเป็นไง อร่อยสมกับราคาที่แพงประหนึ่งทองคำมั้ย เสร็จแล้วก็จัดการเก็บรูปแล้วส่งมาให้เราดูด้วย เห็นแล้วก็ โหยยยย... ขายได้ไงเนี่ย สวยก็ไม่สวย ขายก็แพ๊งแพง ของเราน่ากินกว่าเยอะแยะ ฮ่าๆ หลงตัวเองตามเคย   แต่ของเค้าไม่น่ากินจริงๆ นะ ไม่เชื่อดูรูปล่างนี้สิคะ มีหลักฐานมาโชว์ด้วย




จากนั้นก็เลยลองเข้าไปค้นรูปเก่าๆ ที่ตัวเองเคยทำดูว่าเราได้ทำมาคารองรสอะไรไปบ้างแล้วเนี่ย ผลปรากฏว่าน่าตกใจมาก รูปที่ถ่ายไว้มีไม่รู้กี่ร้อยรูป เยอะมากๆ วันนี้เลยครึ้มๆ จัดการรวมรูปที่เคยทำมาให้เพื่อนๆ ดูว่ามันเยอะจริงๆ แบบนี้ไม่บ้าทำไม่ได้นะเนี่ย 55  มาดูการเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง



รูปนี้เป็นครั้งแรกของการทำมาคารองเลย (ฉกรูปมาจากเวปเก่าของตัวเอง ภาพต้นฉบับหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้) ได้สูตรจากเน็ตเวปไหนก็จำไม่ได้แล้ว จำได้แค่มันหวานแสบคอมากๆ ยี้กับรสชาติมากเลยตอนนั้น แต่ก็ปลื้มที่ทำครั้งแรกก็สำเร็จเลย ไม่ยักกะยากอย่างที่เค้าว่ากันเลยแฮะ ทำครั้งนั้นครั้งเดียวก็เลิกทำไปปีกว่าๆ เลยค่ะเพราะไม่ชอบกินเอามากๆ


หนึ่งปีหลังจากนั้นก็เห็นคนก้นครัวแห่ทำมาคารองช็อคโกแล็ตสูตรคุณบีบี๋กัน พอดีเรามีไข่ขาวอยู่เยอะเลยจับมาทำมาคารองซะ แต่งานนี้ไม่หมูเหมือนครั้งแรกแล้วค่ะ อบทีไรถ้าหน้าไม่ย่นก็ต้องแตกกระจุยกระจาย งงกับมันมากๆ รับไม่ได้เลยจริงๆ ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับมาคารองเป็นการใหญ่ ทั้งถามอากู๋ ถามน้องแก้ม โน่นนี่นั้น แต่ก็ยังเจ๊งอยู่ จนวันดีคืนดีก็ได้มาคารองช็อคโกแล็ตน่ารักๆ มาชื่นชมจนได้ค่ะ อร่อยมากๆ รสนี้ ชอบๆ


หลังจากทำรสช็อคฯ ได้ก็มาปรับสูตรนิดหน่อยเป็นรสชาไทย งานนี้ไม่มีเจ๊งเลยค่ะ ดีใจๆ


ต่อมาก็ทำรสงาขาวซึ่งเป็นสูตรที่ดัดแปลงจากสูตรงาดำของน้องแก้มคนงามนั่นเองค่ะ รสนี้คนทำขอผ่านค่ะ หอมน่ะหอมจริง แต่รสชาติเนี่ย...เอ่อ...ไม่รู้สิ แต่ไม่ชอบเลย 


จากนั้นเราก็ลองใช้เฮเซลนัททำดูบ้าง ชอบมากๆ เลยแหละ มันหอมอร่อยกว่าอัลมอนด์แยะ


งานนี้ทำรสป๊อบปี้ซี้ดบ้าง อร่อยนะเราว่า แต่เราดันแพ้ป๊อบปี้ซี๊ด กินแล้วคันตาคันปากยิกๆ ตอนหลังเลยไม่กล้ากินอีก ฮือๆ


และแล้วก็มาถึงคิวแอพริคอท หน้าตาไม่ค่อยดี แต่ปลื้มรสนี้มากๆ อร่อยจริง อร่อยจัง


คราวนี้ลองพิสตาชิโอบ้าง ทำง่ายดี หน้าตาเข้าท่าด้วย แต่เราว่าไม่อร่อยหง่ะ เราไม่ชอบเลย


มาถึงรสมะนาวบ้าง ไม่ค่อยสวยแต่อร่อยม๊ากก เปรี้ยวๆ หวานๆ ชอบๆๆๆ


รสบลูเบอรี่มั่งค่ะ สีแปลกๆ ไปนิดนึง แต่อร่อยจัดๆ ค่ะ ชอบไส้มันมากๆ


นี่เป็นมาคารองถั่วลิสงค่ะ ได้รางวัลนางงามผิวเนียนไปเลย แต่รสชาติ ทำครั้งเดียวผ่านค่ะ ไม่อร่อย 55

รสกีวีบ้าง นี่เป็นเปลือกมาคารองที่สวยที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย ชอบมากๆ อยากให้มันออกมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยน่ะ


รสเนคทารีนค่ะ คล้ายๆ แอพริคอทแหละ แต่แอพริคอทอร่อยกว่านิ๊ดดนึง

มาถึงมาคารองวานิลลาบ้าง อีกหนึ่งรสโปรดของเราเลยค่ะ หอม อร่อยมากมายก่ายกอง


ก่อนหน้านั้นทำรสงาขาวไปแล้วไม่ชอบเลย งานนี้ลองใช้งาดำบ้าง ผลก็คือชอบมากๆ ทั้งหอมทั้งมัน อร่อยจริงๆค่ะ


อันนี้เป็นรสชาเขียวค่ะ ปลื้มอีกเหมือนกัน ปกติไม่ชอบอะไรที่เป็นชาเขียวเลย แต่กับมาคารองนี่ยกเว้นค่ะ อร่อยมากๆ




รสกล้วยหอมจอมซน สีจัดจ้านจริงๆ แต่อร่อยสุดๆ เป็นอีกหนึ่งรสที่ปลื้มมากๆ อีกล่ะ


รสสตรอว์เบอรี่สดๆ จากสวนค่ะ เปรี้ยวๆ หวานๆ สดชื่น อร่อย ชอบมากๆ


นี่ก็สตรอว์เบอรี่ ช่วงนั้นสตรอว์เบอรี่ออกเยอะไงคะเลยทำบ่อย พอดีชอบด้วย


นี่ก็สตรอว์เบอรี่อีกแล้ว แต่รสนี้ชอบที่สุด เป็นไส้ครีมพิสตาชิโอ+เจลลี่สตรอว์เบอรี่+สตรอว์เบอรี่สด อร่อยจนบรรยายไม่ถูก 55


นี่รสมะพร้าวค่ะ กินเปลือกอย่างเดียวอร่อยดี แต่ใส่ไส้แล้วก็แค่พอแหล่กล่าย 55


มาถึงรสเรดเคอเรนท์บ้าง ไส้มันอร่อยมากเหมือนกัน ชอบพอๆ กับสตรอว์เบอรี่เลยค่ะ


อันนี้แอบเบื่อกับหน้าตาเรียบๆ เลยจับมันมาเขียนคิ้วทาปากนิดนึง ทำให้สวยหรือรกก็ไม่รู้เนอะ


ส่วนนี่รสคาราเมลส้ม สวยแต่รูป ไม่อร่อยเลย เหอๆ


นี่ใช้เรดเคอเรนท์สด เปลือกหวานมัน ไส้เปรี้ยวจี๊ดสะใจ อร่อยอีกล่ะ  จบแล้วค่ะตำนานการทำมาคารองของเรา ใครยังไม่เคยทำก็ลองทำดูนะคะ ตอนอบลุ้นระทึก สนุกดีค่ะ



Friday, August 20, 2010

คัพเค้กเนคทารีน : Nectarine Cupcake


สูตรคัพเค้กเนคทารีนนี้เราลงไว้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนานแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้แปลเป็นภาษาไทยซะที ช่วงนี้กำลังทำครัวอยู่ คงไม่ได้ใช้ครัวอย่างน้อยก็ 2 อาทิตย์แน่ะ เมื่อไม่ได้ทำอาหารและขนมก็เลยไม่มีอะไรมาอัพบล็อก ตอนนี้ระหว่างรอให้ปูนที่ฉาบผนังครัวแห้งก็ฉวยโอกาสนำสูตรคัพเค้กนี้มาอัพบล็อกภาษาไทยไปพลางๆ ค่ะ

คัพเค้กสูตรนี้เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวเรามากค่ะ ติดใจที่เนื้อเค้กนุ่ม ชุ่มเนย บวกกับเนคทารีนเปรี้ยวๆ หวานๆ เข้าไปอีก กินคู่กับน้ำชากาแฟยามบ่ายดีนักแล ขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากมากความอะไรด้วยค่ะ ตามมาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยนะคะ

ส่วนผสม
  • ผลเนคทารีนสด 180 กรัม (ปอกเปลือกหรือไม่ปอกก็ได้ค่ะ ผ่ากลาง แกะเมล็ดออกแล้วหั่นเต๋าค่ะ)
  • แป้งเค้ก 170 กรัม
  • ผงฟู 1 1/4 ชช.
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • เนยสด 110 กรัม
  • น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 115 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดกลาง 2 ฟอง
  • วานิลาเอ็กซ์แทร็ค 1/2 ชช.
  • ผิวมะนาวขูดจากมะนาว 1 ลูก
  • โยเกิร์ตธรรมชาติ 60 กรัม

วิธีทำ


ผสมแป้งเค้กและผงฟูเข้าด้วยกัน ร่อนผ่านตะแกรง 2 ครั้ง แล้วอุ่นเตาอบไว้ที่ 190 องศาเซลเซียสค่ะ

ผสมน้ำตาลและเกลือรวมกัน ตีเนยด้วยความเร็วต่ำพอเนียน ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกับเนยทีละน้อยจนน้ำตาลหมด ตีต่อไปเรื่อยๆ จนเนยกลายเป็นครีมฟูเบามีสีขาวนวลค่ะ จากนั้นก็ใส่ไข่ลงไปตีรวมกับเนยทีละฟอง โดยก่อนจะใส่ไข่ฟองที่สองต้องแน่ใจแล้วว่าไข่ฟองแรกกับเนยเข้ากันดีแล้วนะคะ เมื่อใส่ไข่ลงไปตีทั้งสองฟองแล้วก็ใส่วานิลาและผิวมะนาวลงไปตีพอเข้ากันค่ะ

แบ่งส่วนผสมแป้งสลับกับโยเกิร์ตลงไปตีรวมกับส่วนผสมเนยด้วยความเร็วต่ำ เราแบ่งใส่แป้ง 3 ครั้ง โยเกิร์ต 2 ครั้ง ตีแค่พอเข้ากันนะคะ อย่าตีนานเดี๋ยวเนื้อเค้กจะแน่นไม่นุ่มฟูค่ะ สุดท้ายใส่เนคทารีนลงไปตะล่อมรวมกับส่วนผสม 2-3 ครั้งพอค่ะ


ตักส่วนผสมใส่พิมพ์มัฟฟินประมาณ 3/4 ของพิมพ์  นำเข้าอบไฟบน-ล่างประมาณ 20-22 นาที หรือจนเค้กสุกหน้าเค้กเป็นสีเหลืองทองสวย ทดสอบว่าเค้กสุกทั่วถึงดีหรือไม่โดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มไปตรงกลางเค้ก หากไม่มีเศษแป้งติดไม้มาแสดงว่าสุกแล้วค่ะ 

          นำเค้กออกจากเตาอบ เอาออกจากพิมพ์ วางไว้บนตะแกรงแล้วแต่งหน้าด้วยไวน์และดาร์คช็อคโกแล็ต หรือตกแต่งหรือไม่แต่งยังไงก็ได้ตามชอบค่ะ

          Tuesday, August 17, 2010

          สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ : Spaghetti alla Bolognese


          เมื่อวานทำสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ(หมู) ให้คนที่บ้านทานเป็นมื้อเย็นค่ะ ส่วนเราทำผัดมะเขือใส่ไข่ราดข้าวให้ตัวเอง แบบว่าเบื่ออาหารฝรั่ง ในขณะที่สามีก็เบื่ออาหารไทยเหมือนกัน(มั๊ง) งานนี้เลยตัวใครตัวมัน ใครชอบแบบไหนก็กินแบบนั้นไป ไม่ต้องทะเลาะกันเนอะ

          เครื่องปรุง สำหรับรับประทาน 2-3 คน
          1. สปาเก็ตตี้ 200 กรัม
          2. น้ำมันมะกอก 1 ชต.
          3. หอมหัวใหญ่ 1 หัวเล็ก
          4. แครอท 1 หัวเล็ก
          5. หัวแซลเลอรี่ 30 กรัม
          6. เนื้อสับ 250 กรัม (จะใช้เป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อวัวผสมเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ก็ได้ค่้ะ)
          7. marjoram ออริกาโน บาซิล พาร์สลีย์
          8. กระเทียม 1 กลีบใหญ่
          9. ไวน์ขาว 50 มล.
          10. น้ำซุป 50 มล.
          11. ซอสมะเขือเข้มข้น (Tomato puree) 250 กรัม หากไม่มีใช้มะเขือเทศแก่จัด ต้มในน้ำเดือด 5 นาที ปอกเปลือกแล้วบดละเอียดแทนได้ค่ะ
          12. Tomato paste 2-3 ชต.
          13. เกลือ พริกไทย ผงปาปริก้า (อย่างละประมาณ 1 ชช. ค่ะ)
          14. พาร์มีซานขูดสำหรับโรยหน้าพาสต้าตอนทานค่ะ
          วิธีทำ

          ปอกหอมหัวใหญ่ ซอยหรือสับละเอียด แครอทก็ปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็กๆ หัวแซลเลอรี่ปอกเปลือก หั่นเต๋าเล็ก กระเทียวปอกเปลือก สับละเอียด ผสมซอสมะเขือเทศเข้มข้นกับ Tomato paste รวมกันไว้ บรรดา herbs ก็ล้างให้สะอาดแล้วสับละเอียดรวมกัน (เราใช้ marjoram และออริกาโนแห้ง ประมาณอย่างละ 1 ชช. บาซิลสดประมาณ 1 ชต. พาร์สลีย์สดประมาณ 1 ชต. ค่ะ)

          ใส่น้ำมันมะกอกในหม้อตั้งไฟพอเริ่มร้อน ใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่เนื้อสับลงไปผัดรวมกัน พอเนื้อเริ่มเปลี่ยนสีก็ใส่แครอท แซลเลอรี่ herbs แห้ง บดพริกไทยใส่ แล้วตามด้วยเกลือป่น และผงปาปริก้าลงไปคนให้เข้ากันจนเนื้อสุกดี ระหว่างคนก็ใช้ทัพพีบดเนื้อให้แตกไม่จับตัวกันเป็นก้อนด้วยนะคะ

          ใส่ส่วนผสมมะเขือเทศลงไปคนให้เข้ากัน ตุ๋นไฟอ่อนประมาณ 5 นาทีค่ะ

          จากนั้นเร่งไฟกลางใส่น้ำซุป และไวน์ขาวลงไปคนให้เข้ากัน แล้วลดไฟอ่อนสุดเคี่ยวต่ออีก 20 นาทีค่ะ

          หลังจากนั้นใส่กระเทียมสับและ herbs สดลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ หากรสชาติยังไม่เข้มข้นพอก็ปรุงเพิ่มด้วยเกลือ พริกไทย และผงปาปริก้าค่ะ เมื่อพอใจแล้วก็ปิดฝาหม้อ ตุ๋นต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็เรียบร้อยค่ะ

          หลังตุ๋นซอสประมาณ 20 นาทีแล้วก็หาหม้ออีกใบใส่น้ำ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่เกลือลงไป ต้มน้ำพอเดือดก็ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปต้มจนสุก อย่าลืมคนเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ เมื่อสุกแล้วก็เทใส่ตะแกรงหรือกระชอนผ่านน้ำเย็น สะเด็ดน้ำไว้ แล้วแบ่งใส่จานเสิร์ฟ ตักซอสเนื้อราดลงบนสปาเก็ตตี้ โรยหน้าด้วยพาร์มีซาน เสิร์ฟได้เลยค่ะ



          Tuesday, August 10, 2010

          คั่วกลิ้งหมู : Pork with yellow curry paste


          ส่วนผสมเครื่องแกงโดยประมาณ
          • พริกแห้ง 1/2 ถ้วย
          • หอมแดงหั่นหยาบ 2 หัว
          • กระเทียมหั่นหยาบ 2 กลีบใหญ่
          • ตะไคร้ซอย 2 ต้น
          • ข่าหั่นหยาบ 3 แว่น
          • ขมิ้นยาวประมาณซอยละเอียด 3 ซม.
          • ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1 ชต.
          • ใบมะกรูดหั่นละเอียด 5 ใบ
          • พริกไทยเม็ด 2 ชต.
          • เกลือป่น 1 ชช.
          • กะปิ 1 ชต.

          วิธีทำเครื่องแกง


          โขลกหรือบดพริกแห้งให้ละเอียดแล้วใส่ส่วนผสมทุกอย่างยกเว้นกะปิลงไปโขลกรวมกันจนละเอียด สุดท้ายใส่กะปิลงไปโขลกรวมให้เข้ากัน เรียบร้อยค่ะ  (เราไม่มีครกหินใบโตๆ เลยใช้วิธีบดจนละเอียดแทนค่ะ)

          เครื่องปรุงคั่วกลิ้ง
          • หมูสับ (หรือหั่นชิ้นตามชอบค่ะ) 250 กรัม
          • พริกแกงคั่วกลิ้ง 2 1/2 ชต.
          • น้ำปลา 1 - 1 1/2 ชต.
          • น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
          • ใบมะกรูดหั่นฝอย 3 ใบ
          • พริกกะเหรี่ยงหั่นเฉียง 1 เม็ด
           วิธีทำ


          นำกระทะตั้งไฟ พอกระทะเริ่มร้อนใส่เนื้อหมูลงไปรวนจนสุกและเริ่มมีน้ำซึมออกมา ใส่พริกแกงลงไปผัดให้เข้ากันดี ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ผัดให้เข้ากันจนเครื่องปรุงเข้าเนื้อ ผัดแห้งดีแล้วใส่ใบมะกรูดหั่นซอยและพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงคนให้เข้ากัน ปิดไฟ ทานคู่กับผักเคียงต่างๆ พร้อมไข่ดาวด้วย อร่อยซ๊า

          Thursday, August 5, 2010

          เค้กแอ๊บเปิ้ลสตรอยเซล : Apple Streusel Cake


          สวัสดีค่า หายหน้าหายตาไปเดือนกว่าๆ  ตอนนี้กลับมาประจำการเหมือนเดิมแล้วจ้า ที่หายไปก็กลับไปเที่ยวเมืองไทยมาเหมือนทุกปีน่ะค่ะ แต่ปกติจะกลับไปหน้าหนาว ปีนี้เป็นปีแรกที่กลับไทยช่วงหน้าร้อน แทบเอาชีวิตไม่รอด (ปานนั้นเลย 55) ร้อนมากถึงมากที่สุด ร้อนเหมือนอยู่ในเตาอบ ทรมานจริงๆ วันนึงอาบน้ำหลายรอบมากๆ นี่ขนาดไม่ได้กลับช่วงเมษา-พฤษภานะเนี่ย

          ว่าแต่เรื่องสนุกๆ ก็มีนะคะ คือตอนอยู่ที่โน่นได้มีโอกาสได้ทำนาด้วยค่ะ 2 ชม. เต็มๆ ตอนเย็นหลังจากที่คนงานเลิกทำแล้ว ถ่ายรูปตอนทำนามาโชว์ด้วย ร่วมกัน 3 แรงแข็งขันกับน้องสาวและหลานสาว ตอนนั้นฝนตกปรอยๆ ด้วย มีรุ้งกินน้ำขึ้น 2 วงสวยงามแจ่มชัดมากๆ สนุกสนาน เลอะเทอะไปตามๆ กัน พอวันรุ่งขึ้นก็ได้เรื่อง ปวดแขนปวดขาน่าดูชมเลย แต่ก็สนุกมากๆ เหมือนกันค่ะ ฝรั่งตาน้ำข้าวที่ไปด้วยก็ยิกๆ อยากลงไปทำบ้างแต่บังเอิญนิ้วเท้าหักเข้าเฝือกอ่อนอยู่เลยอด บ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย 55

          ระหว่างอยู่เมืองไทยข่าวว่ายุโรปร้อนตับแตกที่สุดในรอบ 60 ปี ยังกังวลอยู่เลยว่านี่เราจะต้องหนีร้อนมาพึ่งร้อนเหรอเนี่ย แต่พอกลับมาถึงจริงๆ ก็ค่อยยังชั่วหน่อย วันที่มาถึงเป็นวันแรกที่อากาศดีมากๆ จากเกือบๆ 40 องศา ลดเหลือแค่ 26 องศา ทุกวันนี้อุณหภูมิสูงสุดก็อยู่ที่ 25-28 องศาเซลเซียส กำลังสบายเลยค่ะ มีความสุข ลั่นล้าน่าดู อ้อ.. คอมเมนท์และคำถามต่างๆ ที่เพื่อนๆ ฝากไว้ระหว่างที่เราไม่อยู่จะค่อยๆ ทยอยตอบให้นะคะ  เยอะแยะหลายบล็อกเลย หากตอบช้าไปบ้างก็อย่าเคืองเน้อ

          มาเข้าเรื่องเลยเนอะ เค้กแอ๊บเปิ้ลสตรอยเซลนี้เราทำไว้ตั้งแต่ก่อนกลับเมืองไทยค่ะ แต่ตอนนั้นยุ่งๆ เลยต้องหมกสูตรไว้จนถึงตอนนี้แหละ สูตรนี้เราชอบมากๆ เลย ลองผิดลองถูกมาตั้งนาน ดีนะที่จดส่วนผสมคร่าวๆ ไว้ ไม่งั้นลืมหมดแน่ๆ  มาดูสูตรกันนะคะ

          ส่วนผสมฐานเค้ก
          ส่วนยีสต์
          • แป้งอเนกประสงค์ 120 กรัม
          • ยีสต์สด 6 กรัม (ยีสต์แห้ง 2 กรัม)
          • นมสด 60 กรัม
          • น้ำตาลทราย 15 กรัม
          • เนยสดละลาย 20 กรัม
          วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในอ่างผสมแล้วใช้ไม้พายคนจนส่วนผสมจับตัวกัน จากนั้นใช้เครื่องตีหัวเกลียวนวดจนแป้งเนียนมือและหลุดจากขอบอ่างอย่างง่ายดาย รวบเป็นก้อนกลมพักไว้ก่อนค่ะ

          ส่วนครัสท์
          • แป้งอเนกประสงค์ 60 กรัม
          • น้ำตาลทราย 20 กรัม
          • ผงฟู 1/4 ชช.
          • เนยสด 30 กรัม
          • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1/3 ชช.
          วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในอ่างผสมแล้วนวดด้วยปลายนิ้วจนส่วนผสมเข้ากันและมีลักษณะเป็นเม็ดๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่ว จากนั้นใส่แป้งยีสต์ลงไปนวดให้เข้ากันค่ะ  เสร็จแล้วก็นำพิมพ์กลมขนาด 23 ซม. (9") มาทาเนยบางๆ ให้ทั่วโรยแป้งหรือขนมปังป่นบางๆ ให้ทั่ว แล้วเคาะพิมพ์เบาๆ เพื่อให้เศษแป้งส่วนเกินหลุดออกค่ะ

          เมื่อเตรียมพิมพ์เรียบร้อยแล้วก็นำแป้งมาคลึงบางๆ ให้มีขนาดใหญ่กว่าฐานพิมพ์ประมาณ 2 นิ้ว จากนั้นก็นำไปคลึงใส่พิมพ์ ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ ให้ติดพิมพ์ แล้วใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วพิมพ์ค่ะ


          ส่วนผสมแอ๊บเปิ้ล
          • แอ๊บเปิ้ลเปรี้ยว 3 ลูกใหญ่
          • น้ำมะนาว 1 ชต.
          • น้ำสะอาด 1 ชต.
          • น้ำตาลทราย 1 ชต.
          • อบเชยป่น 1/4 ชช.
           

          วิธีทำ ปอกเปลือกแอ๊บเปิ้ลตัดแกนออกแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/2 ซม. ใส่หม้อขนาดย่อมๆ ใส่น้ำมะนาว น้ำสะอาด น้ำตาลและอบเชยป่นลงไป นำหม้อตั้งไฟกลาง ปล่อยให้เดือดประมาณ 3 นาที แล้วปิดไฟ สะเด็ดน้ำ พักไว้ให้เย็นค่ะ

          ส่วนผสมหน้าสตรอยเซล
          •  แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
          • น้ำตาลทราย 80 กรัม
          • เนยสด 80 กรัม
          • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1/2 ชช.
          • อบเชยป่น 1 หยิบมือ (ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
           วิธีทำ  ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในอ่างผสม ใช้ปลายนิ้วนวดจนส่วนผสมจับตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ

          ส่วนผสมตัวเค้ก
          • แป้งเค้ก 160 กรัม
          • ผงฟู 1 1/2 ชช.
          • เกลือป่น 1/4 ชช.
          • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
          • น้ำตาลทราย 90 กรัม
          • เนยสดนุ่มๆ 100 กรัม
          • นมสด 50 กรัม
          • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1 ชช.
          วิธีทำ  


          อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส ร่อนแป้งรวมกับผงฟูและเกลือ พักไว้ 

          นำเนยใส่อ่างผสมและตีด้วยความเร็วต่ำจนเนยเนียน เปลี่ยนเป็นความเร็วกลางแล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกับเนยทีละนิดจนน้ำตาลหมด แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุดตีต่อไปเรื่อยๆ เนยกลายเป็นครีมฟูเบาสีขาวนวล ใช้เวลาตีประมาณ 5-6 นาทีค่ะ 

          ใช้ไม้พายปาดรอบขอบอ่างแล้วตอกไข่ใส่ลงไป 1 ฟอง ตีต่อด้วยความเร็วกลางจนไข่กับเนยเข้ากันดี ใช้เวลาตีประมาณ 1 นาทีค่ะ เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ตอกไข่อีกฟองใส่ลงตีให้เข้ากันดีอีกครั้ง ส่วนผสมจะมีลักษณะเป็นครีมเนียน เนยกับไข่ไม่แยกตัวกันค่ะ อย่าลืมปาดขอบอ่างด้วยนะคะ เสร็จแล้วก็ใส่วานิลาลงไปตีให้เข้ากันค่ะ  

          จากนั้นแบ่งประมาณ 1/3 ของส่วนผสมแป้งลงไปตีด้วยความเร็วต่ำสุดรวมกับส่วนผสมเนยแค่พอเข้ากัน แล้วใส่ 1/2 ของนมลงไปตีรวมกัน ทำสลับกันอย่างนี้จนส่วนผสมหมด (รวมแล้วแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน นม 2 ส่วน เริ่มด้วยแป้งจบด้วยแป้งนะคะ) ย้ำว่าต้องตีด้วยความเร็วต่ำสุด ใช้เวลาตีแป๊บเดียว เอาแค่พอเข้ากันกับส่วนผสมอื่นก็พอ ไม่งั้นน้องเค้กจะทั้งหนักทั้งแน่นเชียวค่ะ  


          แบ่ง 1/2 ของแป้ง ตักใส่พิมพ์แล้วเกลี่ยให้เรียบ จากนั้นแบ่งแอ๊บเปิ้ลที่หั่นเตรียมไว้มาครึ่งหนึ่ง นำมาเรียงบนแป้งให้ทั่วค่ะ เสร็จแล้วโปะด้วยส่วนผสมแป้งที่เหลือทั้งหมดใส่บนแอ๊บเปิ้ล เกลี่ยแป้งกลบแอ๊บเปิ้ลให้เรียบทั่วถึงกัน แล้วก็นำแอ๊บเปิ้ลส่วนเหลือวางเรียงให้สวยงามทั่วพิมพ์ค่ะ แล้วโรยหน้าด้วยสตรอยเซลให้ทั่ว  

          วางพิมพ์ตรงชั้นกลางของเตา อบ 180 องศาเซลเซียสประมาณ 60 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุก ทดสอบโดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีเศษแป้งติดไม้มาแสดงว่าสุกแล้วค่ะ  


          นำเค้กออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็นตัวประมาณ 5-10 นาทีแล้วจึงนำออกจากพิมพ์ พักไว้บนตะแกรงให้เย็นค่ะ


          เมื่อเค้กเย็นแล้วก็ตัดทานเลยค่ะ ฐานเค้กที่โปร่งๆ กรอบๆ บวกเนื้อเค้กนุ่มๆ หอมเนย ผสมผสานกับเนื้อแอ๊บเปิ้ลเปรี้ยวๆ หวาน แล้วยังได้ความกรุบกรอบของสตรอยเซลเพิ่มเข้าไปอีก ทานตอนอบใหม่ๆ นี่อร่อยได้ใจจริงๆ ค่ะ


          ถ้ารักน้องเปิ้ล ชอบน้องเปิ้ลก็ลองทำดูนะคะ  ขอให้อร่อยกันถ้วนหน้าค่ะ ใครขี้เกียจทำก็นี่เลย ตักป้อนให้ด้วย อิอิ