Monday, March 23, 2009

เฮซัลนัทมาคารอง : Hazelnut Macarons

ส่วนผสม สำหรับมาคารง 10 คู่
  • เฮซัลนัทสับหยาบ 3เม็ด
  • น้ำตาลทรายแดง 1 ชต.
  • เฮซัลนัท 40 กรัม (คั่วหรืออบจนหอม แล้วเทใส่ผ้าตอนที่ร้อนๆ คลุมผ้าไว้ให้มิดชิด พักไว้ประมาณ 10-15 นาที ก็ขยี้ๆ เอาเปลือกออกให้หมด หรือเอาออกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ จากนั้นก็นำไปบดซะรอบนึงก่อน)
  • น้ำตาลไอซิ่ง 65 กรัม
  • ไข่ขาวอุณหภูมิห้อง 35 กรัม (ประมาณไข่เบอร์เอ็ม 1 ฟอง)
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • ช็อคโกแล็ตกานาช หรือ นูเทลลาสำหรับทำไส้ (เราชอบกินแบบไม่ใส่ไส้ค่ะ อร่อยมากๆ)
วิธีทำ เตรียมถาดอบ 2 ถาด ปูกระดาษไขรองไว้ให้เรียบร้อย นำถุงบีบใส่หัวบีบกลมวางไว้บนถ้วยหรือแก้วทรงสูง เตรียมไว้ให้พร้อมเลยค่ะ 
ผสมนัทสับหยาบและน้ำตาลทรายแดงในหม้อใบเล็ก นำขึ้นตั้งไฟกลางคั่วไปเรื่อยๆ จนนัทเปลี่ยนสี จากนั้นเทน้ำสะอาดประมาณ 1 ชช. ลงไป คนจนน้ำตาลละลายกลายเป็นคาราเมลแห้ง ยกลงจากเตาแล้วเทใส่ภาชนะพักไว้ให้เย็น เตรียมไว้โรยหน้ามาคารงค่ะ 
ผสมนัทบดกับไอซิ่งเข้าด้วยกัน แล้วนำไปบดอีกครั้งจนเนื้อละเอียดมากๆ เสร็จแล้วก็นำไปร่อนผ่านตะแกรงตาห่าง 1 ครั้งค่ะ จากนั้นก็จัดการตีไข่ขาวกับเกลือด้วยความเร็วต่ำจนเป็นฟอง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นความเร็วสูง ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีผสมจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อนและผิวขึ้นเงาค่ะ สุดท้ายแบ่งส่วนผสมแห้งลงไปตะล่อมเบามือด้วยพายยางรวมกับไข่ขาวจนเข้ากันดี มายาแบ่งใส่ 3-4 ครั้งค่ะ

เทส่วนผสมใส่ถุงบีบแล้วบีบลงบนถาดที่เตรียมไว้ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 3 ซม. และบีบให้มาคารงห่างกันประมาณ 5 ซม. ค่ะ เมื่อบีบจนส่วนผสมหมดแล้วก็พักมาคารงไว้ประมาณ 30 - 60 นาทีจนผิวแห้งดี ทดสอบโดยการใช้ปลายนิ้วแตะและกดตรงกลางเบาๆ แล้วผิวแห้งไม่ติดมือ แบ่งเจ้าคาราเมลนัทสับที่เตรียมไว้โรยหน้าให้ครบทุกชิ้น เตรียมส่งเข้าเตาอบได้ค่ะ

อุ่นเตาอบ 140 องศาเซลเซียส วางถาดตรงชั้นกลางของเตาอบ อบไฟล่างอย่างเดียวประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะสุก


เมื่อขนมสุกแล้วนำออกจากเตาอบ แล้วพักขนมไว้บนถาดประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยแซะขนมออกวางบนตะแกรง พักไว้ให้เย็นสนิทจึงใส่ไส้ หรือเก็บใส่กล่องปิดฝามิดชิดแล้วแช่เย็นไว้ทานได้หลายวันเลยค่ะ

ช็อคโกแล็ตบอล : choco balls


เนื้อช็อคบอลสูตร 1
สำหรับช็อคบอลประมาณ 25 ลูก
  • Semi-sweet chocolate 150 กรัม
  • เนยสด 60 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • แป้งสาลีเอนกประสงค์ 80 กรัม
  • ผงโกโก้ 10 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ชช.
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • กลิ่นวานิลา 1/2 ชช.
  • อัลมอนต์สับหยาบ 80 กรัม
วิธีทำ

อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส ถาดอบปูกระดาษไขรองไว้ด้วยค่ะ จากนั้นนำช็อคโกแล็ตมาสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วใส่รวมกับเนย นำไปตุ๋นแบบ Double boiler คนให้ช็อคฯ ละลายหมด พักไว้ให้เย็นอุณหภูมิห้อง ระหว่างรอก็ไปร่อนแป้งรวมกับผงโกโก้และผงฟูรวมกันไว้ค่ะ

เมื่อช็อคฯ เย็นแล้วก็ตอกไข่ใส่ชามอ่าง ใส่กลิ่นวานิลา ตีไข่จนฟู โดยระหว่างตีไข่ก็ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยจนหมดค่ะ จากนั้นเทช็อคโกแล็ตที่ละลายไว้ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วใส่แป้งคนพอเข้ากัน สุดท้ายใส่อัลมอนต์คน 3-4 ครั้งพอเข้ากัน เทใส่ถาด เกลี่ยให้เรียบ นำเข้าอบไฟล่างอย่างเดียวประมาณ 20 นาทีจนสุก นำออกมาพักไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นลูกบอลขนาดเท่าๆ กันค่ะ


เนื้อช็อคบอลสูตร 2 สำหรับช็อคบอลประมาณ 25 ลูก

  • แป้งสาลีเอนกประสงค์ 40 กรัม
  • ผงโกโก้ 20 กรัม
  • อัลมอนด์บดละเอียด 30 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ชช.
  • น้ำตาลทราย ก. 60 กรัม
  • นมสด 60 มล.
  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • น้ำมันพืช 40 กรัม
  • ไข่ขาว 2 ฟอง
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย ข. 20 กรัม
  • แยมเชอรี่ 2 ชต. + รัม 1 ชช. คนให้เข้ากัน สำหรับทำไส้ (ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ค่ะ)
วิธีทำ

อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส ถาดอบปูกระดาษไขรองไว้ด้วยค่ะ เสร็จแล้วก็จัดการร่อนแป้ง ผงโกโก้ ผงฟู และอัลมอนด์ป่นรวมกัน 2 รอบ ใส่อ่างผสม ทำบ่อตรงกลางแล้วใส่น้ำตาลทราย ก. นมสด ไข่แดง และน้ำมันพืชลงในบ่อแป้ง แล้วใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ พอเข้ากันแล้วพักไว้ ก่อนค่ะ

ตอนนี้เราไปตีไข่ขาวกันค่ะ นำไข่ขาวใส่ชามอ่างที่ล้างสะอาดปราศจากไขมัน ใส่เกลือลงไปแล้วตีด้วยความเร็วต่ำประมาณ 15 วินาที หรือจนไข่ขาวฟูมากๆ จากนั้นค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย ข. ทีละน้อย ตีไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลหมดและไข่ขาวตั้งยอดอ่อนค่ะ

สุดท้ายก็นำไข่ขาวไปตะล่อมกับส่วนผสมแป้ง แบ่งใส่สัก 3 ครั้งนะคะ ค่อยๆ ตะล่อมเบามือจนเข้ากันดี แล้วเทส่วนผสมใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบ แล้วนำเข้าไปอบประมาณ 10-12 นาทีจนเค้กสุกนำออกจากเตาปล่อยให้เย็นอุณหภูมิห้อง ตัดแบ่งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเท่าๆ กัน ตักแยมใส่ตรงกลางของแต่ละชิ้น (ใส่แยมนิดเดียวพอนะคะ ไม่งั้นหวานเกินไปไม่รู้น๊า) แล้วปั้นเป็นลูกบอลค่ะ

ส่วนผสมอื่นๆ

  • semi-sweet chocolate 150 กรัม
  • เนยสด 20 กรัม
  • white chocolate 150 กรัม
  • อัลมอนด์คั่วสับหยาบตามชอบ
  • น้ำตาลสีสำหรับตกแต่ง
  • ช็อคตัวหนอนสำหรับตกแต่ง
วิธีทำ สับ semi-sweet chocolate เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่เนยลงไปแล้วนำไปตุ๋นแบบ Double-boiler คนให้ละลายหมดแล้วยกลง white chocolate ก็เช่นกันค่ะ สับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วนำไปตุ๋นด้วยวิธีเดียวกัน เพียงแต่ไม่ต้องใส่เนยเท่านั้นเองค่ะ

จากนั้นก็นำ็ช็อคบอลที่ปั้นไว้ มาชุบช็อคตุ๋นเคลือบให้ทั่วลูกบอล ตกแต่งตามชอบนะคะงานนี้ ใครจะเคลือบอัลมอนด์ หรือจะโรยช็อคตัวหนอนหรือน้ำตาลสีๆ ก็เต็มที่เลยค่ะ เสร็จแล้วก็แค่รอให้ช็อคโกแล็ตที่เคลือบจับตัวกันดี แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ

Sunday, March 22, 2009

ชีสเค้กสตรอว์เบอรี่ - มะม่วง : strawberry mango cheesecake


ส่วนผสมฐานชีสเค้ก
สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 9 นิ้ว

1. แครกเกอร์ หรือ Zwieback บดละเอียด 3/4 ถ้วย
2. น้ำตาลทรายแดง 1/2 ชต.
3. เนยสดละลาย 2 ชต.
4. เกลือป่น 1/8 ชช.

วิธีทำก็แค่นำทุกอย่างมาผสมรวมกัน ใช้ไม้พายคนให้เข้ากันจนร่วนเป็นเม็ดทราย นำไปเทใส่พิมพ์เกลี่ยให้เสมอกันแล้วกดให้เรียบแน่นทั่วฐานพิมพ์ค่ะ จากนั้นเอาไปใส่ตู้เย็นไว้ก่อนนะคะ

ส่วนผสมสตรอว์เบอรี่
1. สตรอว์เบอรี่ 100 กรัม
2. น้ำตาลทราย 10 กรัม หรือมากน้อยตามชอบค่ะ
3. น้ำมะนาว 1 ชช.
4. ผงเจลลี่สีแดง (Cake Glaze, red) 4 กรัม

จัดการปั่นสตรอว์เบอรี่รวมกันให้ละเอียด แล้วกรองเอาเมล็ดออก ใช้ช้อนกดๆ บดๆ บีบๆ คั้นๆ มันเข้าค่ะ พอได้เนื้อได้น้ำเนียนๆ ไร้เมล็ดเล็กๆ ให้ระคายเคืองแล้วก็ใส่น้ำตาลทรายกับน้ำมะนาวลงไป ชิมรสหวานเปรี้ยวมากน้อยตามชอบ จากนั้นใส่ผงเจลลี่ลงไปคน จนผงเจลลี่ละลาย พักไว้ ก่อนค่ะ

ส่วนผสมมะม่วง
1. เนื้อมะม่วงสุก 100 กรัม
2. น้ำตาลทราย 10 กรัม หรือมากน้อยตามชอบค่ะ
3. น้ำมะนาว 1 ชช.
4. ผงเจลลี่สีขาว (Cake Glaze, clear) 4 กรัม

จัดการปั่นมะม่วงให้ละเอียด แล้วกรองเอากากออก ให้ได้เนื้อได้น้ำเนียนๆ แล้วก็ใส่น้ำตาลทรายกับน้ำมะนาวลงไป ชิมรสหวานเปรี้ยวมากน้อยตามชอบ จากนั้นใส่ผงเจลลี่ ลงไปคนจนผงเจลลี่ละลาย พักไว้ก่อนค่ะ

ส่วนผสมชีสเค้ก
1. ครีมชีส 500 กรัม
2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
3. น้ำตาลทราย 115 กรัม
4. น้ำตาลวานิลา 1 ซอง (8 กรัม) หรือกลิ่นวานิลา 1 ชช.
5. น้ำมันพืช 3 ชต.
6. เฮฟวี่ครีม 250 มล.
7. ผิวมะนาว 1 ชช.
8. ผงวานิลลาพุดดิ้ง 1 ซอง (37 กรัม)

วิธีทำ

อุ่นเตาอบ 170 องศาเซลเซียส ตีครีมชีสให้เนียนแล้วใส่ไข่ลงกับผิวมะนาวลงไปตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทราย น้ำตาล วานิลลา (หรือกลิ่นวานิลา) น้ำมันพืช เฮฟวี่ครีม และผงพุดดิ้ง ตีด้วยความเร็วต่ำหรือใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน แล้วจึงเทใส่พิมพ์ที่กรุฐานไว้เรียบร้อยค่ะ

ตักซอสสตรอว์เบอรี่สลับกับซอสมะม่วงใส่บนเค้กเป็นหย่อมๆ จนหมด แล้วใช้ปลายตะเกียบคนให้เป็นลาย ส่งเข้าเตาอบ อบไฟบน ล่าง โดยวางไว้ตรงชั้นกลางของเตาอบนะคะ ใช้เวลาอบประมาณ 70 นาทีค่ะ พอเค้กสุกก็ปิดไฟ เปิดฝาเตาอบแง้มไว้ ทิ้งเค้กไว้ให้ เย็นตัวในเตาอบประมาณ 20-30 นาทีค่ะ

นำเค้กออกมาวางบนตะแกรงให้เย็นอุณหภูมิห้อง แล้วก็ค่อยๆ แซะเค้กออกจากขอบพิมพ์ก่อนถอดสปริงฟอร์มออกค่ะ จากนั้นถ้าใครจะทำเจลลี่ราดหน้าเค้ก เพื่อความเงางามก็ทำตามนี้ค่ะ หรือถ้าไม่อยากทำก็นำเค้กเข้าตู้เย็นสัก 2 ชม. ก่อนตัดนะคะ

ส่วนผสมเจลลี่
1. ผงเจลลี่ 1/2 ซอง (6 กรัม)
2. น้ำเย็น 125 มล.
3. น้ำตาลทราย 1/2 ชต. หรือน้ำตาลวานิลลา 4 กรัม

วิธีทำ
นำผงเจลลี่มาเทใส่หม้อ ใส่น้ำเย็นและน้ำตาลทรายลงไปผสม คนจนผงเจลลี่ละลาย แล้วนำตั้งไฟคนตลอดเวลา พอเดือดยกลงจากเตาค่ะ พักไว้อีกประมาณ 1-2 นาทีก่อน แล้วจึง ใช้ตะกร้อมือคนแรงๆ อีกครั้งก่อนนำมาราดหน้าเค้ก จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นสักหน่อย ก็เอาเข้าตู้เย็นสัก 2 ชม. ก่อนทานจะอร่อย ชื่นใจมากๆ เลยจ้ะ


Friday, March 20, 2009

โปรตีนเกษตรผัดพริกขิง


ส่วนผสมเครื่องแกงผัดพริกขิง โดยประมาณนะคะ
  • พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำให้นิ่ม 7 เม็ด
  • หอมแดงซอย 5 หัว
  • กระเทียมกลีบเล็กปอกเปลือก 10 กลีบ
  • ขิงแก่ซอยละเอียด 1 ชช.
  • รากผักชีซอยละเอียด 1 ราก
  • พริกไทยเม็ด 4-5 เม็ด
  • ข่า 3 แว่น
  • ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1 ช้อนชา
  • กะปิ 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

เครื่องปรุงโดยประมาณ

  • โปรตีนเกษตร 70 กรัม
  • น้ำมันพืช 3-4 ชต.
  • เครื่องแกงพริกขิง 1 1/2 ชต.
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ชช.
  • น้ำปลา 1 ชต.
  • น้ำซุป 2 ชต.
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย
  • พริกชี้ฟ้าแดงแกะเมล็ดออกแล้วหั่นเส้น

  • วิธีทำ

    นำกระทะตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงไปพอน้ำมันร้อนใส่โปรตีนเกษตรลงไปทอดจนมีสีเหลืองกรอบทั่วถึงดี ตักโปรตีนเกษตรออกจากกระทะวางบนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน แล้วใส่เครื่องแกงพริกขิงในกระทะผัดจนส่งกลิ่นหอม

    ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดพอน้ำตาลละลาย เติมน้ำซุปลงไปคนให้เข้ากัน ใส่โปรตีนเกษตรที่ทอดไว้แล้วลงไปผัดคลุกให้เข้ากับซอส สุดท้ายใส่ใบมะกรูดและพริกแดง คนพอเข้ากันก็ตักใส่จานเสิร์ฟ วันนี้กินง่ายๆ ม้วนเดียวจบเลยค่ะ

    Monday, March 16, 2009

    ยำมาม่า : instant noodle salad

    หนึ่งในอาหารมื้อเที่ยงที่เราทำกินบ่อยมากๆ ก็คือเจ้ายำมาม่าเนี่ยล่ะค่ะ เพราะทำง่ายรวดเร็วดี อยู่คนเดียวก็ขี้เกียจทำอะไรที่มันยุ่งยากมากความ เห็นอะไรใกล้หูใกล้ตาใกล้มือก็คว้ามายำซะ แค่นี้ก็ได้มือเที่ยงสุดแซ่บแล้วค่ะ
    เครื่องปรุงโดยประมาณ
    • มาม่า 1 ซอง
    • หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
    • คื่นช่าย 2 ต้น
    • มะเขือเทศสีดา 4 ลูก (เราใช้มะเขือเทศโรม่าแทนค่ะ)
    • ปลาหมึกไข่ 1 ตัว
    • กุ้งสด 2 ตัว
    • ปูอัด 2 แท่ง
    • หมูยอหั่นบางๆ แล้วผ่าครึ่ง 3-4 แผ่น

    • พริกชี้ฟ้า 3-4 เม็ด
    • กระเทียม 1 กลีบเล็ก
    • น้ำมะนาว 2 ชต.
    • น้ำปลา 2 ชต.
    • ซีอิ๊วขาว 1/2 ชต.
    • น้ำตาลทราย 1/2 ชต.
    • น้ำพริกเผา 1/2 - 1 ชช.
    วิธีทำ

    ทำน้ำยำไว้ก่อนเลยค่ะ โดยโขลกพริกขี้หนูกับกระเทียมรวมกันหยาบๆ แล้วใส่น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย น้ำมะนาว และน้ำพริกเผา คนให้เข้ากัินแล้วชิมรสตามชอบแล้วพักไว้ก่อนค่ะ
    จัดการล้างปลาหมึกล้างให้สะอาด ลอกเยื่อออก หั่นเป็นวงหรือบั้งเป็นตารางเหมือนเราก็ได้ค่ะ ส่วนกุ้งก็แกะเปลือกไว้หาง ผ่าหลังดึงเส้นดำออก ล้างให้สะอาด ปูอัดหั่นเฉียงเป็นชิ้นพอคำค่ะ ส่วนหอมหัวใหญ่ปอกเปลือก หั่นเป็นวง คื่นชายล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อน มะเขือเทศล้างแล้วผ่าครึ่งหรือผ่าสี่
    กุ้งกับปลาหมึกลวกในน้ำเดือดให้สุก ตักขึ้นใส่ชามสลัด แล้วนำเส้นมาม่าลงไปลวกประมาณ 2 - 3 นาทีจนเส้นนิ่มดี สะเด็ดน้ำแล้วเทใส่ชามสลัด ตามด้วยปูอัด หมูยอ หอมหัวใหญ่ คื่นช่าย และมะเขือเทศ ราดด้วยน้ำยำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟ เรียบร้อยแล้วค่ะ ง่ายเหลือเกิน

    Sunday, March 15, 2009

    แกงจืดเต้าหู้ ไข่เจียว หมูบะช่อ : tofu soppe


    อาหารระลึกชาติ เอ๊ย! ระลึกถึงความหลังครั้งเยาว์วัยค่ะ แกงจืดนี้เคยเป็นหนึ่งในอาหารโปรดที่แม่ทำให้กินอยู่บ่อยๆ สมัยที่เรายังเด็กๆ อยู่ (รู้สึกว่าจะผ่านวัยนั้นมาไม่กี่ปีเอง อิอิ) ตั้งแต่บินจากอ้อมอกแม่ก็เหมือนจะไม่ได้กินอีกเลย มาวันนี้เกิดครึ้มๆ อยากกินขึ้นมาเลยวิ่งเข้าครัว หั่นๆ สับๆ ต้มๆ ปรุงๆ แล้วก็ได้แกงจืดถ้วยนี้มาค่ะ ทำมั่วๆ แต่ก็ออกมาอร่อยเกือบๆ เท่าแกงจืดของแม่เลยน๊า


    เครื่องปรุงโดยประมาณ

    • เต้าหู้ไข่/เต้าหู้ขาว 200 กรัม
    • หมูสับ 100 กรัม
    • กระเทียม 1 กลีบ
    • พริกไทย 5-6 เม็ด
    • รากผักชี 1 ราก
    • น้ำมันพืช 1 ชต.
    • น้ำสะอาด 400 มล.
    • ไข่เจียว 1 ฟอง
    • น้ำปลา ซีอิ้วขาว
    • ผักกาดขาว ต้นหอม
    วิธีทำ
    • หมักหมู สับกับซีอิ้วขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย พริกไทยป่น อย่างละนิด นวดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนพอคำแล้วพักไว้ก่อน ส่วนกระเทียม ก็ปอกเปลือกแข็งออกแล้วโขลกรวมกันพริกไทยและรากผักชีให้ละเอียด ไข่เจียวหั่นสี่เหลี่ยมพอคำ ผักกาดขาวและต้นหอมก็หั่นเตรียมไว้ให้พร้อมด้วยค่ะ

    • นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่กระเทียมพริกไทยรากผักชีที่โขลกไว้ลงผัดให้หอมกรุ่น แล้วใส่น้ำสะอาดลงไป เร่ง ไฟแรงพอน้ำเดือด ใส่หมูที่ปั้นไว้ พอหมูสุกใส่เต้าหู้ ไข่เจียว และผักกาดขาว พอเดือดอีกครั้งปรุงรสด้วยน้ำปลาและซีอิ้วขาว ชิมรสตามชอบแล้วใส่ต้นหอม ปิดไฟ เสร็จแล้วค่ะ

    ไข่พะโล้ : sweet stew egg and pork


    ไข่พะโล้ อาหารที่กินบ่อยจนคนทำอ้วนเป็นพะโล้ไปแล้วค่ะ เหอๆ แต่ไม่สนเนอะ ก็มันอร่อยนี่นา

    เครื่องปรุง โดยประมาณ
    1. ไข่ไก่ 5 ฟอง
    2. หมูสามชั้น 100 กรัม
    3. เนื้อหมู 100 กรัม
    4. ผงพะโล้ 1/2 ชช.
    5. อบเชย 1 แท่งยาว หักแบ่งเป็น 2 ท่อน
    6. โป๋ยกั๊ก 4 ดอก
    7. น้ำตาลปึก 2 ก้อน
    8. น้ำสต๊อกหมู 2-3 ถ้วย
    9. น้ำปลา 3 ชต.
    10. ซีอิ้วดำ 1 ชต.
    11. กระเทียมกลีบเล็ก 8 กลีบ
    12. พริกไทย 12 เม็ด
    13. รากผักชี 2 ราก
    15. น้ำมันพืช 1 ชต.
    14. เต้าหู้ , โปรตีนเกษตร , เห็ดหอม จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ตามชอบค่ะ

    วิธีทำ

    ต้มไข่ให้สุก ปอกเปลือก ส่วนกระเทียม+พริกไทย+รากผักชี โขลกรวมกันให้ละเอียด พักไว้ก่อนค่ะ หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นพอคำ และเนื้อหมูเป็นชิ้นโตๆ ส่วนเห็ดหอมและโปรตีนเกษตรแช่น้ำให้นิ่มแล้วตักขึ้น บีบน้ำออกให้หมด น้ำตาลปึกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนนำกระเทียมพริกไทยและรากผักชีที่โขลกไว้ ลงผัดพอหอม แล้วใส่อบเชย โป๋ยกั๊ก ผงพะโล้ และน้ำตาลปึกลงไปผัดๆ เคี่ยวๆ จนน้ำตาลละลายส่งกลิ่นหอม และมีสีน้ำตาลเข้ม เติมน้ำปลา ซีอิ้วดำ ลงไปเคี่ยวพอเหนียว

    ใส่หมูสามชั้น เนื้อหมู และไข่ไก่ลงไปเคี่ยวพอให้น้ำตาลรัดหมู ใส่เต้าหู้ เห็ดหอม ลงไปคนให้เข้ากัน เติมน้ำสต๊อกลงไปให้ท่วมเครื่อง ชิมรสหวานเค็มกลมกล่อม ต้มจนเดือดแล้วใช้ไฟอ่อนสุดตุ๋นไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เรียบร้อยค่ะ ทานได้เลย แต่จะให้รสชาติดียิ่งขึ้นก็ทำทิ้งไว้ค้างคืนแล้วมาอุ่นท านค่ะ


    แกงเลียงผักรวม - กุ้งสด - หอยแมลงภู่


    แกงเลียงเป็นหนึ่งในอาหารโปรดของเรา แต่ไม่เคยทำเองซะที วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลองทำกินเอง ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจมากๆๆ แฟนก็ชอบด้วยค่ะ ทำตั้งเยอะแน่ะ แต่ก็กินกันซะหมดหม้อเลยค่ะ

    เครื่องแกง
    1. กะปิดี 1 1/2 ชช.
    2. พริกไทยขาว 10-12 เม็ด
    3. พริกชี้ฟ้า 2 เม็ด
    4. หอมแดง 2 หัว
    5. รากผักชี 1 ราก
    6. กระชาย 2 หัว
    7. กุ้งแห้ง 3 ชต.
    8. เกลือ 1/2 ชช.

    วิธีทำ เตรียมเครื่องปรุงก่อนตามนี้นะคะ
    • กะปิห่อใบตองแล้วนำไปเผาไฟให้หอม
    • หอมแดงปอกเปลือก หั่นเต๋า
    • พริกชี้ฟ้าเด็ดขั้ว หั่นเป็นท่อนๆ
    • รากผักชีล้างให้สะอาดแล้วหั่น
    • กระชายหั่นท่อนสั้นๆ
    • กุ้งแห้งล้างให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วป่นละเอียด
    เมื่อเตรียมเครื่องปรุงเรียบร้อยแล้วก็จัดการทำเครื่องแกงเลียง เริ่มด้วยการโขลกพริกไทยขาวให้ละเอียด ตามด้วยหอมแดง กระชาย พริกชี้ฟ้า กะปิ และรากผักชีลงไปโขลกรวมกันให้ละเอียด สุดท้ายใส่กุ้งแห้งป่นและเกลือลงไปโขลกต่อให้เข้ากันดี ได้เครื่องแกงเลียงแล้วค่ะ


    เครื่องปรุงอื่นๆ
    1. กุ้งสดตัวโตๆ 10 ตัว
    2. หอยแมลงภู่ 7-8 ตัว
    3. ฟักทอง 250 กรัม
    4. ข้าวโพดอ่อน 5 ฝัก
    5. ซูคีนี 1/4 ถ้วย
    6. เห็ดฟาง (เราใช้แชมปิยอง) 6-7 ดอก
    7. ใบแมงลัก 1/3 ถ้วย
    8. น้ำสต๊อกไก่ 500 มล.
    9. น้ำปลา 1 ชต.

    วิธีทำ
    • กุ้งสดปอกเปลือก ไว้หาง ผ่าหลังดึงเส้นดำออก
    • หอยแมลงภู่แกะเปลือกออก
    • ฟักทองปอกเปลือก หั่นชิ้นพอคำ
    • ข้าวโพดอ่อนหั่นชิ้นตามยาว
    • ซูคีนีหั่นชิ้นพอคำ
    • เห็ดฟางเช็ดให้สะอาดก่อนล้าง แล้วผ่าครึ่ง
    ถึงตอนนี้ก็มาจับทุกอย่างมาต้มยำทำแกงกันค่ะ โดยนำน้ำสต๊อกไก่ใส่หม้อตั้งไฟจนเดือด ใส่เครื่องแกงเลียงที่โขลกไว้ลงไปคนให้ ละลาย แล้วจึงใส่ฟักทองและข้าวโพดอ่อนลงไปต้มประมาณ 5 นาทีหรือจนฟักทองสุก จากนั้นใส่เห็ดฟาง ใส่กุ้ง หอยแมลงภู่ คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรสให้ออกเค็มเล็กน้อย เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งใส่ซูคีนีและใบแมงลัก ใช้ทัพพีกดให้จมแล้วปิดไฟทันที ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากๆ เลยค่ะ

    ต้มยำกระดูกหมู


    ต้มยำกระดูกหมูนี้เราพยายามทำเลียนแบบพี่สาวค่ะ พี่ทำต้มยำอร่อยมาก เราก็พยายามทำตามมาหลายรอบ แต่รสชาติก็ยังไม่เข้มข้นเหมือนต้มยำของพี่ แต่วันนี้ทำแล้วใช่เลย ถึงได้รู้ว่าผักชีฝรั่งนี่มีส่วนมากๆ ทุกครั้งไม่ได้ใช้ผักชีฝรั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ลองใส่ รสชาติเลยลอกต้มยำซี่โครงหมูของพี่สาวสุดที่รักเด๊ะ ๆ กินแล้วคิดถึงพี่จัง ฮือๆ

    เครื่องปรุงโดยประมาณ

    1. ซี่โครงหมู 300 กรัม (เราใช้แบบมีเนื้อติดกระดูกเยอะหน่อย)
    2. ข่าหั่นแว่น 6-7 แว่น
    3. ตะไคร้ 2 ต้น
    4. ใบมะกรูด 7-8 ใบ
    5. รากผักชี 3 ราก
    6. พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 15 เม็ด
    7. มะนาว 1 ลูก
    8. น้ำสะอาด 500 มล.
    9. เกลือป่น 1/4 ชช.
    10. น้ำปลา 2 ชต.
    11. ซีอิ้วขาว 1 ชต.
    12. มะเขือเทศสีดา ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ผักชี

    วิธีทำ


    ซี่โครงหมูสับชิ้นพอคำหรือตามชอบค่ะ ตะไคร้หั่นท่อนแล้วทุบ รากผักชีและพริกขี้หนูบุบพอแตก ใบมะกรูดฉีก มะนาวผ่าซีกเอาเมล็ดออก ผักชีฝรั่งหั่นท่อนสั้นๆ ต้นหอมหั่นท่อน ผักชีหั่นหยาบ มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่ง

    เทน้ำสะอาดใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่เกลือ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และรากผักชีลงไปต้มพอส่งกลิ่นหอม ใส่ซี่โครงหมูลงไป รอให้น้ำเดือดแล้วค่อยคนนะคะ จากนั้นใส่พริกขี้หนู น้ำปลา และซีอิ้วขาวลงไปคนให้เข้ากัน ลดไฟอ่อนสุด ปิดฝาหม้อตุ๋นประมาณ 1 ชม. หรือจนหมูเปื่อย

    เมื่อหมูเปื่อยดีแล้วใส่มะเขือเทศ ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ สุดท้ายใส่ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ผักชี ปิดไฟทันที เสิร์ฟร้อนๆ ค่ะ


    Saturday, March 14, 2009

    ผักกาดดองผัดไข่

    อาหารง่ายๆ แต่เราชอบม๊ากมาก ส่วนมากเราจะทำกินเป็นมื้อเที่ยงค่ะ เพราะอยู่คนเดียวขี้เกียจทำอะไรยุ่งยาก อาศัยทำอะไรที่แว๊บๆ เสร็จ สะดวกแล้วก็อร่อยด้วย มาดูเครื่องปรุงผักกาดดองผัดไข่กันค่ะ

    เครื่องปรุงโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 2 คนค่ะ
    • ผักกาดดอง 200 กรัม (เราใช้ผักกาดดองกระป๋องตรานกพิราบค่ะ)
    • กระเทียมกลีบเล็ก 3 กลีบ
    • หอมหัวใหญ่หัวเล็ก 1/2 หัว
    • พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 1 เม็ด
    • ไข่ไก่ 2 ฟอง
    • น้ำมันหอย 1 ชต.
    • ซีอิ้วขาวหรือน้ำปลา 1/2 ชต.
    • พริกไทยป่น 1/4 ชช.
    • น้ำตาลทราย 1/4 ชช.
    • น้ำมันพืช 2 ชต.
    วิธีทำ

    ผักกาดดองล้างผ่านน้ำ สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ กระเทียมปอกเปลือกสับละเอียด หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกหั่นเส้นตามยาว พริกขี้หนูหั่นเป็นวงเตรียมไว้ค่ะ

    นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมและหอมหัวใหญ่ลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่ผักกาดดองลงไปผัดพอเข้ากัน เกลี่ยผักกาดดองไว้ข้างกระทะ ตอกไข่ลงไปตรงที่ว่าง เขี่ยไข่แดงให้แตกแล้วเกลี่ยผักกาดดองมากลบไข่ ใส่พริกขี้หนู น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว พริกไทยป่น และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันพอไข่สุก ตักใส่จานเสิร์ฟ แค่นี้เองค่ะ


    ผัดผักบุ้งหมูกรอบ


    ผัดผักบุ้งหน้าตาประหลาดๆ จานนี้ได้มาเพราะความบังเอิญค่ะ จริงๆ แล้วตั้งใจจะทำแกงเทโพ คิดว่ามีส่วนผสมทุกอย่างแล้ว เตรียมตัวจะลงมือทำ แกง แต่แล้ว.. เฮ้ย! กะทิหมด ทำไงดีล่ะคราวนี้... ผักบุ้งก็เด็ดไว้แล้ว.. หมูก็หั่นไว้แล้ว ก็เลยคิดว่าโอเค งั้นเปลี่ยนเป็น ผักบุ้งผัดพริกแกงแทนก็ได้ แต่พอเปิดตู้เย็นจะหยิบพริกแกงออกมาก็.. จ๊ากก.. พริกแกงก็ยังหมดอีกเหรอเนี่ย.. เวรกรรม สุดท้ายก็เลยมาลงที่่จานนี้ล่ะค่ะ ผัดผักบุ้งหมูกรอบ (เที่ยม) แต่เห็นมั่วๆ อย่างนี้ผัดออกมาก็อร่อยใช้ได้นา ไม่เชื่อลองทำดูสิจ๊ะ

    เครื่องปรุงโดยประมาณ

    • ผักบุ้งจีนประมาณ 200 กรัม
    • หมูสามชั้น 150 กรัม
    • กระเทียมกลีบใหญ่ 2 กลีบ
    • พริกชี้ฟ้าแดง 5 เม็ด
    • เต้าเจี้ยว 1 ชต.
    • น้ำมันหอย 1 ชต.
    • ซีอิ้วขาว 1/2 ชต.
    • น้ำซุป 2 ชต.
    • น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
    • น้ำมันพืช 2-3 ชต.
    วิธีทำ

    ผักบุ้ง ล้างให้สะอาดแล้วตัดโคนแข็งๆ ทิ้งไป ส่วนที่เหลือเด็ดเป็นท่อนยาวๆ แช่น้ำเย็นไว้ค่ะ กระเทียมปอกเปลือกแล้วบุบหรือ หั่นบางๆ พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง ส่วนเต้าเจี้ยว น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำซุปและน้ำตาลทรายใส่ถ้วยเล็กๆ ผสมกันไว้ค่ะ

    หมูสามชั้นหั่นชิ้นพอคำ แล้วนำกระทะตั้งไฟแรง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนจัดก็ใส่หมูลงไปทอดให้กรอบ แล้วจึงตักหมูขึ้นใส่ถ้วยพัก ไว้ก่อนค่ะ

    ตักน้ำมันในกระทะออกเกือบหมดโดยให้เหลือติดกระทะไว้ประมาณ 2 ชต. ใส่กระเทียมลงผัดพอหอมและกระเทียมเริ่มเปลี่ยน สี ใส่ส่วนผสมน้ำซอสลงไปคนให้เข้ากันพอน้ำตาลละลาย ชิมรสตามชอบ แล้วใส่หมูที่ทอดไว้ลงไปคนให้เข้ากับน้ำซอส เร่งไฟแรงสุด ใส่ผักบุ้งและพริกชี้ฟ้าลงไป ผัดเร็วๆ 4-5 ครั้ง พอเข้ากับซอสและผักบุ้งยังไม่สุกดีก็ตักใส่จานเสิร์ฟร้อนๆ ค่ะ

    จานข้างล่างนี้เป็นผัดผักบุ้งไฟแดงค่ะ ไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์อะไร ส่วนผสมก็คล้ายๆ ข้างบน แต่ตอนผัดเราใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องปรุง ทุกอย่างลงบนผักบุ้ง แล้วเททุกอย่างลงผัดในน้ำมันร้อนๆ พร้อมๆ กันเลยค่ะ

    ตับผัดพริกไทยดำ


    ตับผัดพริกไทยดำนี้เป็นอาหารจานโปรดของคนที่บ้านค่ะ เค้าชอบทานมาก ๆ จนเราจะตั้งฉายาให้ว่าซีอุยแล้วอ่ะค่ะ อาหารที่ทำส่วนมากอาศัยปรุงเอาตามสัญชาตญาณค่ะ ไม่ได้อิงตำราสักเท่าไรปรุงรสตามใจปาก เครื่องเทศก็ใช้เท่าที่หาได้ไม่ค่อยพิถีพิถันหรือใช้เครื่องปรุงตามสูตรที่ควรจะเป็นเด๊ะๆ น่ะค่ะ

    เครื่องปรุงนะคะ
    1. ตับหมู
    2. เห็ดหอม
    3. หอมหัวใหญ่
    4. พริกหวาน
    5. พริกไทยดำ
    6. กระเทียม
    7. ขิง
    8. น้ำมันหอย
    9. น้ำปลา, ซีอิ้วขาว
    10. น้ำตาลทราย
    11. น้ำมันพืช
    12. เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบแล้ว
    13. พริกชี้ฟ้า

    วิธีทำ

    ตับหมูหั่นบางๆ เห็ดหอมแช่น้ำให้นิ่มแล้วผ่าสี่ หอมหัวใหญ่หั่นเต๋าใหญ่หน่อย พริกไทยดำตำละเอียด ขิงหั่นเป็นแว่นบางๆ กระเทียมสับละเอียดไว้ค่ะ

    นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนก็ใส่เห็ดหอมลงไปผัด พอส่งกลิ่นหอมก็ใส่หอมหัวใหญ่ กระเทียม ขิงและตับหมูลงไปผัด พอตับสุก ก็ใส่ผักอื่นๆ ตามลงไป เร่งไฟแรงด้วยค่ะ

    ส่พริกไทยดำ น้ำมันหอย น้ำปลานิด ซีอิ้วขาวหน่อย และน้ำตาลทรายอีกนิดนึง ชิมรสตามชอบ สุดท้ายใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่อบ หรือคั่วแล้วกับ พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงลงไป ผัดพอเข้ากันตักเสิร์ฟ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ ค่ะ

    น้ำพริกหมูผัด & ผัดถั่วงอก

    คุณพ่อบ้านเป็นแฟนน้ำพริกหมูผัดค่ะ จำได้ว่าครั้งแรกที่แม่ทำให้กินเนี่ยเค้าติดอกติดใจมาก แม่เราก็เลยทำให้กินทุกวันเลย คิดว่าจะเบื่อแต่เค้าก็ไม่ยักกะเบื่อซะที พอมาอยู่ที่นี่ก็ขอให้เราทำให้กินบ่อยๆ เราก็ทำมั่วไปเรื่อย รสชาติก็ใกล้เคียงกับที่แม่ทำนะคะ แต่ยังไงน้ำพริกของแม่ก็รสชาติกินขาดอยู่แล้ว ไม่งั้นจะเป็นแม่เราเรอะ ฮ่า

    ส่วนผสมโดยประมาณนะคะ

  • หมูสับ 150 กรัม
  • กระเทียมไทย 4-5 กลีบ
  • รากผักชี 1 ราก
  • พริกป่น 2 ชต.
  • หอมแดง 2 หัว
  • น้ำมันพืช 2 ชต.
  • น้ำมะขามเปียกคั้นข้นๆ 1 ชต.
  • น้ำซุป 1/2 ถ.
  • น้ำปลา 2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
  • ผักเคียงเช่น ถั่วฝักยาว แตงกวา แครอท ผักกาดขาว มะเขือเปาะ ข้าวโพดอ่อน ดอกกะหล่ำ ไข่ต้ม ถั่วงอก ฯลฯ

    วิธีทำ

    โขลกกระเทียมและรากผักชีรวมกันให้ละเอียด ส่วนหอมแดงก็ปอกเปลือกออกแล้วซอยบางๆ ค่ะ เมื่อเตรียมของเสร็จแล้วก็นำกระทะตั้ง ไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมพริกไทยลงผัดจนส่งกลิ่นหอม นำหมูสับที่โขลกไว้และหอมแดงลงผัดรวมกันจนหมูเปลี่ยนสี ใส่พริกป่นลงไปคนให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำมะขามเปียก น้ำซุป น้ำปลา และน้ำตาลทรายคนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ พอเดือดปิดไฟ ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ กับผักเคียงต่างๆ พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ค่ะ อ้อ...เจ้านายที่บ้านเราเนี่ยนอกจากชอบกินน้ำพริกหมูผัดกับผักและไข่ต้มแล้ว ที่ขาดไม่ได้ก็ต้องมีผัดถั่วงอกแบบจานข้างล่างนี้กินคู่กันไปด้วยค่ะ

    ส่วนผสมผัดถั่วงอก
  • ถั่วงอกเด็ดหาง
  • เต้าหู้หั่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วทอดพอเหลืองสวย
  • กระเทียมบุบหยาบ
  • ไข่ไก่
  • น้ำมันหอย + น้ำปลา + พริกไทย ใส่ถ้วยเล็กรวมกันไว้
  • ต้นหอมหั่นท่อน
  • พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้น
  • น้ำมันพืช
    วิธีทำ

    นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมลงผัดพอหอม ใส่เต้าหู้ผัด 2-3 ครั้ง ใส่ไข่ใช้ตะหลิวขยี้ให้แตก แล้วเร่งไฟแรงสุด ใส่ถั่วงอกและน้ำปรุงต่างๆ ผัด 3-4 ครั้ง ชิมรสตามชอบ แล้วใส่ต้นหอมและพริกชี้ฟ้าคนพอเข้ากัน เรียบร้อยค่ะ

    เต้าหู้ทรงเครื่อง

    เต้าหู้ทรงเครื่องอาหารจานโปรดของคุณพ่อบ้านค่ะ (เราก็ชอบ) ทำอาหารจานนี้ทีไรพี่แกกินไปชมไปไม่ขาดปากว่าอร่อยมากๆ ปกติเค้าชอบอาหาร เผ็ดๆ ถ้าไม่มีพริกส่วนมากจะไม่ค่อยชอบกิน แต่เจอเต้าหู้ทรงเครื่องเข้าไปก็ติดใจเลยค่ะ บ้านใครโปรดปรานเต้าหู้ลองทำดูนะคะ อ้อ.. บอกก่อนว่า ปริมาณส่วนผสมข้างล่างนี้โดยประมาณจริงๆ นะคะ ไม่ได้ตวงตามเคยค่ะ

    เครื่องปรุงโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 2 คน

    • เต้าหู้ไข่หรือเต้าหู้ขาว(ชนิดอ่อน) 200 กรัม
    • แป้งโกกิ 1/2 ถ.
    • น้ำสะอาด 1/4 ถ.
    • น้ำมันพืชสำหรับทอด
    • กุ้งสด 5-6 ตัว
    • ปูอัด 4 แท่ง
    • เห็ดหอม 4 ดอก
    • กระเทียมกลีบใหญ่ 1 กลีบ
    • แครอท 1 หัวเล็ก
    • เมล็ดถั่วลันเตา 1/4 ถ.
    • พริกไทยเม็ด 5 เม็ด
    • ซีอิ้วขาว 1 ชต.
    • น้ำมันหอย 1 ชต.
    • น้ำมันงา 1/2 ชช.
    • น้ำซุป 1/4 ถ.
    • น้ำตาลทราย 1/4 ชช.
    • แป้งข้าวโพด 1/4 ชช.
    • ต้นหอม 2 ต้น (เราไม่มีต้นหอมไทยใช้ใบไชฟ์แทนเลยไม่ค่อยน่ากินเท่าไร)
    วิธีทำ
    • กุ้งแกะ เปลือกออกแล้วหั่นท่อนๆ ปูอัดก็หั่นท่อนเช่นกันค่ะ ส่วนเห็ดหอมแช่น้ำให้นิ่มแล้วหั่นเป็นเส้นหน้าหน่อย กระเทียมปอกเปลือกแล้ว สับละเอียด แครอทปอกเปลือกหั่นเต๋าเล็ก ต้นหอมลอกเปลือกนอกออกแล้วหั่นท่อน พริกไทยตำหรือบดละเอียดค่ะ ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำซุป น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพด ใส่ถ้วยรวมกันและคนให้เข้ากันค่ะ

    • เต้าหู้ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นสี่เหลี่ยม ใหญ่นิดนึง ผสมแป้งกับน้ำสะอาด คนให้แป้งละลาย นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนนำ เต้าหู้ชุบแป้งแล้วนำลงทอดในน้ำมันให้แป้งกรอบสีเหลืองสวย ตักขึ้นวางบนกระดาษทิชชูเพื่อซับน้ำมัน แล้วจัดเต้าหู้ทอดเรียงในจานเสิร์ฟ รอไว้ค่ะ

    • จากนั้นเทน้ำมันที่ทอดเต้าหู้ออกเกือบหมด โดยให้เหลือติดกระทะประมาณ 1 ชต. นำกระทะตั้งไฟกลาง พอน้ำมันร้อนใส่เห็ดหอมและ กระเทียมลงเจียวพอเริ่มเปลี่ยนสี ใส่แครอท และเมล็ดถั่วลันเตาลงไปผัดรวมกัน แล้วใส่น้ำปรุงรสลงไปผัดให้เข้ากัน พอเดือดใส่กุ้งและ ปูอัดลงผัดพอกุ้งสุก ชิมรสตามชอบ แล้วใส่ต้นหอมคน 2-3 ครั้ง ปิดไฟ ตักราดบนเต้าหู้ที่จัดใส่จานไว้แล้ว แต่งด้วยผักตามชอบ ทานกับ ข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากค่ะ

    ผัดกะเพราหมูสับไข่ดาว

    หมู่นี้ไม่รู้ทำไมอยากกินแต่ผัดกะเพราค่ะ กินได้ 3 วันติดแล้วยังไม่เบื่อเลย บางครั้งอาหารสิ้นคิดก็อร่อยและเรียกน้ำย่อยได้มากกว่าอาหารหรูๆ อีกนะเราว่า อิอิ

    เครื่องปรุงโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 2 คน
    • หมูสับ 150 กรัม
    • น้ำมันพืช 2 ชต.
    • กระเทียม 1 กลีบใหญ่
    • พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
    • น้ำปลา 1 ชต.
    • ซี้วขาว 1 ชช.
    • ซีอิ้วดำ 1 ชช.
    • น้ำซุป 1 ชต.(ไม่ใส่ก็ได้)
    • กะเพราสดล้างให้สะอาดเด็ดใบ 2 ต้น
    • ไข่ดาว 2 ฟอง
    วิธีทำ


    ตักข้าวสวยใส่จานที่จะเสิร์ฟไว้ 2 จาน วางไข่ดาวลงไปบนข้าวแล้วพักไว้ก่อนค่ะ จากนั้นก็หันไปจัดการปอกเปลือกนอกของ กระเทียมออก ก่อนนำไปตำรวมกับพริกขี้หนู เอาแค่หยาบๆ ก็พอค่ะ

    นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่กระเทียมและพริกขี้หนูที่ตำไว้ลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่หมูสับลงผัดพอหมูเริ่มเปลี่ยนสี ใส่น้ำปลา ซีอิ้วดำ น้ำตาลทราย และน้ำซุปลงไปผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ

    เร่งไฟแรงสุดแล้วใส่ใบกะเพราลงไป คน 2 ครั้ง ปิดไฟ ตักผัดกะเพราใส่จานข้าว เสิร์ฟร้อนๆ ค่ะ หั่นแตงกวาเป็นชิ้นๆ วางในจานเป็นผักเพื่อ กินแก้เลี่ยนด้วยก็ดีค่ะ หรือใครเบื่อหมูสับจะเปลี่ยนเป็นหมูชิ้น หมูกรอบ ไก่ กุ้ง หรือปลาหมึกก็ได้ค่ะ อย่างจานข้างล่างเนี้ยเป็นกะเพรากุ้งมีปูอัดแอบเสนอหน้ามาแจมด้วย อร่อยมั่กๆ ทำเอง กินเอง ชมตัวเอง ฮ่าๆ

    หมูผัดขิง

    หมูผัดขิง นี้บอกตรงๆ (อย่างเขินๆ) ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกินเลยค่ะ ฮ่าๆ เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วรสชาติควรออกมาแบบไหน แต่ที่คิด ทำเจ้าอาหารจานนี้ขึ้นมาเพราะเคยเห็นรูปที่มีคนไปทานที่ร้านอาหารหรือโรงแรม อะไรสักอย่าง ดูจากภาพแล้วน่ากินดี ก็เลยดูรูปแล้ว จินตนาการเอาว่าเครื่องปรุงมันควรใส่อะไรบ้าง แล้วก็มั่วทำเนี่ยล่ะค่ะ แล้วรสชาติที่ออกมาก็ถูกปากถูกใจตายายสองคน ดีใจที่มั่ว แล้วกินได้ ไม่ต้องเททิ้งค่ะ

    เครื่องปรุง
    1. เนื้อหมู
    2. น้ำมันหอย เกลือ พริกไทยป่น นมสด น้ำมันงา น้ำตาล แป้งมัน
    3. กระเทียม รากผักชี พริกไทย
    4. ขิงแก่
    5. ต้นหอม พริกชี้ฟ้า
    6. น้ำมันพืช

    วิธีทำ

    นำเนื้อหมูมาล้างทำความสะอาด หั่นชิ้นพอคำ หมักกับน้ำมันหอย เกลือ พริกไทยดำป่น นมสด น้ำมันงา แป้งมัน น้ำตาลทราย อย่างละนิดอย่างละหน่อย ใส่ตู้เย็นไว้สัก 2-3 ชม.ค่ะ (เราทิ้งไว้ข้ามคืนเลย)

    จากนั้นก็เอากระเทียม รากผักชี และพริกไทยเม็ดมาตำรวมกัน ขิงแก่สักแง่งนึง นำไปปอกเปลือกแล้วสับละเอียด ต้นหอมหั่นท่อนสั้นๆ พริกชี้ฟ้าเอาไส้ออก สับหยาบไว้สำหรับโรยหน้าอาหารค่ะ

    นำเครื่องที่โขลกไว้และขิงสับไปผัดกับน้ำมันพืชพอหอมก็ใส่หมูและน้ำหมักลงไปผัดคลุกเคล้าจนหมูสุก ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาวนิด ซีอิ้วดำหน่อย ชิมรสตามชอบ แล้วใส่ต้นหอมที่หั่นไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่จานเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยต้นหอม และพริกชี้ฟ้า แค่นี้ก็อร่อยแล้วค่ะ

    สามเกลอลุยทะเล

    บรรดาผัดผักทั้งหลายเนี่ยจัดเป็นอาหารจานหลักประจำบ้านเราเลยค่ะ ทำกินแทบทุกวัน แต่ละวันก็เปลี่ยนชนิดของผักและเนื้อสัตว์ไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ดูซ้ำๆ กันน่ะค่ะ สำหรับวันนี้เราใช้หน่อไม้ฝรั่ง เห็ดหอม และแครอท แล้วก็ใส่กุ้งกับปลาหมึกไปด้วยค่ะ อร่อยเหาะเลย

    เครื่องปรุงโดยประมาณ ย้ำว่าโดยประมาณนะคะ ตอนใส่ซอสปรุงรสต่างๆ และน้ำตาลเนี่ย ค่อยๆ ใส่และชิมรสตามชอบนะคะ

    • หน่อไม้ฝรั่ง 100 กรัม
    • แครอท 1 หัวใหญ่
    • เห็ดหอม 4-5 ดอก
    • กุ้งสด 5 ตัว
    • ปลาหมึกกล้วย 1 ตัว
    • น้ำมันพืช 2 ชต.
    • กระเทียมกลีบใหญ่ 1 กลีบ
    • น้ำมันหอย 1-2 ชต.
    • ซีอิ้วขาว 1/2 ชต.
    • น้ำซุป 2-3 ชต.
    • น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
    • แป้งมัน 1 ชช.
    • พริกไทยป่นนิดหน่อย
    วิธีทำ
    • นำหน่อไม้ฝรั่งมาจัดการชำแหละเปลือกส่วนที่แข็งๆ ออกไป ตัดโคนออกก่อนล้างให้สะอาดค่ะ
    • ส่วนแครอทก็ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นท่อนตามยาว
    • เห็ดหอมแช่น้ำให้นิ่มแล้วบีบน้ำออกให้หมดค่ะ
    • แป้งมันละลายกับน้ำสะอาด
    • กระเทียมแกะเปลือกแล้วหั่นชิ้นบางๆ ไว้นะคะ
    • กุ้งแกะเปลือกไว้หางผ่าหลัง ปลาหมึกบั้งแล้วหั่นชิ้นพอคำ นำทั้งสองอย่างไปลวกในน้ำเดือด พักไว้ก่อนค่่ะ

    นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่กระเทียมลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่ผักทุกอย่างลงไป เร่งไฟแรงสุดผัด 2 นาที พอให้ผักสุก

    ใส่น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทยป่นลงไป ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำซุปรวมทั้งแป้งมันที่ละลายน้ำไว้แล้ว คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่กุ้งและปลาหมึกผัดพอเข้ากับน้ำซอส ตักใส่จานเสิร์ฟร้อนๆ ค่ะ

    ฟักทองผัดไข่


    ฟักทองผัดไข่สไตล์ของเราไม่มีสูตรตายตัวหรอกนะคะ ก็ใส่โน่นใส่นี่ไปเรื่อยโดยพยายามจำรสชาติจากตอนที่แม่ทำให้กินเมื่อตอนเด็ก คือทำยังไงก็ได้ให้ใกล้เคียงฟักทองผัดไข่ของแม่มากที่สุดน่ะค่ะ และแน่นอนว่าเครื่องปรุงเหล่านี้ก็ไม่ได้ผ่านการชั่งตวง กะๆ เอาเหมือนเคยค่ะ แง่มๆ


    เครื่องปรุงโดยประมาณ

    • ฟักทอง 250 กรัม
    • กระเทียมกลีบเล็ก 3-4 กลีบ
    • หอมหัวใหญ่ 1 หัว
    • น้ำมันพืช 2 ชต.
    • น้ำมันหอย 1 ชต.
    • น้ำปลา 1/2 ชต.
    • น้ำซุป 3-4 ชต.
    • พริกไทยป่นนิดหน่อย
    • ไข่ไก่ 1 ฟอง
    • ใบโหระพา 1 กำมือ
    วิธีทำ
    • ฟักทอง เอาไส้และเมล็ดออกให้หมด จากนั้นก็นำไปล้างให้สะอาดแล้วปอกเปลือกออก แต่ไม่ต้องถึงกับเนียนนิ้งเกลี้ยงเกลามากหรอกนะจ๊ะ เสร็จแล้วก็หั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 ซม. ถ้าหั่นบางมากตอนผัดเสร็จจะเละไม่น่ากิน แต่ถ้าหั่นหนามากกว่าจะสุกก็กินเวลานานนิดนึงค่ะ ส่วนกระเทียมก็บุบให้แตกหรือจะหั่นชิ้นบางๆ เหมือนเราก็ได้ค่ะ หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกหั่นบางๆ โหระพาเด็ดใบแล้วแช่น้ำเย็นไว้นะคะ

    • นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่หอมใหญ่ลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่ฟักทองและกระเทียมลงไปผัดรวมกัน เติม น้ำซุปแล้วปิดฝากระทะอบให้ฟักทองสุกประมาณ 5-6 นาทีค่ะ

    • เมื่อฟักทองสุกแล้ว ตอกไข่ใส่ลงไป ใส่น้ำมันหอย น้ำปลา และพริกไทย ผัดให้เข้ากันจนไข่สุก ชิมรสตามชอบแล้วเร่งไฟแรงสุด ใส่ใบโหระพาลงไปคน 3-4 ครั้ง แล้วปิดไฟ ตักใส่จานเสิร์ฟทันทีค่ะ

    ปลาหมึกยัดไส้นึ่งมะนาว : steamed filled squid in lemon sauce


    เมนูนี้นี่ก็มั่วอีกแล้วค่ะ ไม่มีสูตรตายตัวนะคะ ปริมาณก็กะๆ เอา ชิมรสตามชอบค่ะ

    ส่วนผสมปลาหมึกยัดไส้
    1. ปลาหมึกไข่
    2. หมูสับ
    3. กระเทียมสับละเอียด
    4. พริกไทยดำป่น
    5. ซีอิ้วขาว
    6. น้ำมันหอย

    วิธีทำปลาหมึกยัดไส้

    ผสมหมูสับ กระเทียมสับ พริกไทย ซีอิ้วขาวและน้ำมันหอยนวดให้เข้ากัน พักไว้สักครู่ นำปลาหมึกไปลอกเยื่อออก ล้างทำความสะอาดให้ดี แล้วนำส่วนผสมหมูสับมายัดไส้ ไม่ต้องแน่นมากนะคะ เพราะพอนึ่งแล้วมันจะล้นเกินไป ไม่น่าทานค่ะ เอาน้ำใส่ซึ้งตั้งไฟให้เดือดรอไว้ด้วยนะคะ พอยัดไส้ปลาหมึกเสร็จแล้วก็นำไปนึ่งไฟแรงประมาณ 5-7 นาทีค่ะ เสร็จแล้วก็เอามาหั่น เป็นชิ้นพอคำแล้วพักไว้ก่อน ตอนนี้เราก็ไปทำน้ำยำกันค่ะ

    ส่วนผสมน้ำปรุงรส
    1. น้ำมะนาว
    2. พริกขี้หนูหั่นชิ้นเบ้งๆ
    3. กระเทียมปอกเปลือก
    4. ขิงสด ฝานเป็นแผ่นไม่ต้องบางมาก
    5. พริกไทยดำตำละเอียด
    6. น้ำปลา+ซีอิ้วขาว
    7. น้ำตาลทราย
    8. น้ำซุปปลาหมึกที่ได้จากการนึ่ง

    วิธีทำน้ำปรุงรส

    นำน้ำซุปปลาหมึกที่ได้จากการนึ่ง น้ำปลา ซีอิ้วขาว พริกไทยดำ พริกขี้หนู น้ำมะนาวและน้ำตาลทรายผสมกัน คนพอน้ำตาลละลายนิดหน่อย แล้วชิมรสตามชอบ

    นำ ซึ้งตั้งไฟให้เดือดอีกรอบ จากนั้นก็นำปลาหมึกมาใส่ชามทนไฟ ราดด้วยน้ำปรุงรส ตามด้วยกระเทียม ขิงฝาน ต้นหอม และพาสลีย์นึ่งไฟกลาง ประมาณ 6-8 นาที แล้ววางจานบนหม้อไฟ แต่งจานด้วยมะนาวแผ่นและคื่นช่าย เสิร์ฟร้อนๆ ค่ะ อร่อยมากๆ

    Friday, March 13, 2009

    ไข่ยัดไส้ : stuffed omelette


    ไข่ยัดไส้ เป็นอาหารจานโปรดของเราตั้งแต่เด็กจนแก่ เอ๊ย! จนถึง ทุกวันนี้เลยค่ะ กินได้กินดี ไม่มีเบื่อเลยค่ะ

    เครื่องปรุงโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 2 คน
    1. หมูสับ 60 กรัม
    2. กุ้งสับ 40 กรัม
    3. กระเทียมกลีบเล็ก 2-3 กลีบ
    4. แครอท 1 หัว
    5. มะเขือเทศ 1 ลูก
    6. พริกหวานสีเขียว 1/4 ลูก
    7. หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
    8. ซอสมะเขือเทศ 2 ชต.
    9. น้ำปลา 1 ชต.
    10. น้ำมันหอย 1 ชต.
    11. พริกไทยป่น
    12. น้ำมันพืช
    13. ไข่ไก่ 2 ฟอง

    วิธีทำ

    1. กระเทียมปอกเปลือก ตำหรือสับละเอียด หั่นแครอท พริกหวาน หอมหัวใหญ่ และมะเขือเทศเป็นลูกเต๋าเล็กๆ เอาไว้ค่ะ

    2. กระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมเจียวพอหอม นำหมูลงผัด พอหมูเปลี่ยนสี ใส่กุ้งสับลงไปคนๆ หน่อย ก็ใส่ผักที่หั่นไว้ลงไปคนให้เข้ากัน

    3. ใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำปลา น้ำมันหอยและพริกไทย ชิมรสตามชอบ คนเป็นระยะประมาณ 4-5 นาที พอมะเขือเทศเปื่อยดีก็ตักออกใส่ถ้วยพักไว้ก่อน


    4. นำไข่มาตีพอเข้ากัน แล้วนำกระทะอีกใบตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน ทาน้ำมันพืชบางๆ ให้ทั่วกระทะ พอร้อนก็ใส่ไข่ลงไป เอียง กระทะวนไปเรื่อย ๆ จนไข่เป็นแผ่นบาง ๆ เต็มกระทะ พอไข่สุกและขอบเริ่มร่อนออกจากกระทะ ก็ใส่ไส้ที่ผัดเตรียมไว้ลงไป พับแผ่นไข่ทั้งสี่ด้านเข้าหากัน ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ


    แหวกให้ดูโฉมหน้าด้านในหน่อยค่ะ หน้าตาก็ออกมาประมาณนี้แหละ


    หมูสามชั้นผัดพริกขิง


    อาหารเที่ยงวันนี้ค่ะ อยู่คนเดียวก็อาศัยทำอะไรง่ายๆ สะดวกรวดเร็วและอร่อยถูกปากตัวเอง โดยไม่ต้องกังวลว่าเจ้านายท่านจะไม่โปรด ตอนทำหิวมากๆ รีบผัดรีบกิน ลืมจัดจานให้สวยงามดูมีชาติมีตระกูลไปเลย โทษทีนะจ๊ะ


    ส่วนผสมโดยประมาณนะคะ

    • หมูสามชั้น 150 กรัม
    • พริกขิง 2 ชต.
    • ถั่วฝักยาว 5-6 ฝัก
    • น้ำตาลปี๊บ 1/2-1 ชช.
    • น้ำปลา 1-2 ชต.
    • น้ำซุป 3 ชต.
    • น้ำมันพืช 1-2 ชต.
    • ใบมะกรูดหั่นฝอย 1 ใบ
    ส่วนผสมพริกขิงโดยประมาณ
    • พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำจนนุ่ม 6-7 เม็ด
    • ข่าหั่นละเอียด 1 ชช.
    • ตะไคร้ซอย 1 ชต.
    • ใบมะกรูดซอยละเอียด 1 ใบ
    • ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1/2 ชช.
    • กระเทียมไทย 7-8 กลีบ
    • หอมแดงซอย 5 หัว
    • ขิงซอย 1 ชช.
    • กะปิ 1 ชช.
    • เกลือป่น 1/2 ชช.
    วิธีทำเครื่องแกง โขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไป โขลกรวมกันจนละเอียดและเข้ากันดี พักไว้ก่อนค่ะ

    วิธีทำผัดพริกขิง
    • ถั่ว ฝักยาวหั่นเฉียง หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นพอคำ ไม่หนามาก นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่หมูสามชั้นลงเจียวจนกรอบ และสีสวย เกลี่ยหมูไปไว้ข้างๆ กระทะ ตักน้ำมันออกให้เหลือติดกระทะประมาณ 2 ชต.

    • ใส่พริกขิงที่โขลกไว้ลงผัดให้หอม ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำซุป ผัดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย แล้วเกลี่ยหมูมาผัดรวมกัน ใส่ถั่วฝักยาว ผัด 4-5 ครั้ง ชิมรสตามชอบ ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอย คนให้เข้ากัน ปิดไฟ เรียบร้อยค่ะ

    • ใครไม่ชอบหมูสามชั้นก็ใช้หมูเนื้อแดง เหมือนในรูปล่างนี้แทนได้นะคะ วิธีทำก็คล้ายๆ กัน แค่ผัดพริกแกงให้หอมก่อนแล้วจึงใส่หมูลงผัดกับพริกแกงจนสุก จากนั้นก็เหมือนกับวิธีข้างบนทุกประการค่ะ


    ข้าวผัดอเมริกัน : america fried rice


    ข้าวผัดอเมริกันเป็นอาหารสิ้นคิดอีกจานที่เรามักจะสั่งมาทานเป็นประจำตอนอยู่เมืองไทย ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ติดใจในรสชาติอะไรนักหนาหรอกนะคะ อาจเป็นเพราะสีสันมันยั่วใจก็ได้ค่ะ

    มาดูวิธีการทำข้าวผัดอเมริกันตามสัญชาตญาต (มั่วๆ) ของเรากันนะคะ ก่อนอื่นเราก็นำปีกไก่หรือน่องไก่ที่เราจะใช้ทอดเพื่อเป็นเครื่องเคียง ทานกับข้าวผัดไปหมักกับซีอิ้วขาว น้ำตาล น้ำมันหอยและพริกไทย นำไปแช่เย็นไว้สัก 2 ชม. ก่อนค่ะ

    เครื่องปรุงข้าวผัด
    1. ข้าวสวย
    2. เนยเค็ม
    3. หอมหัวใหญ่
    4. ลูกเกด
    5. พริกหวาน
    6. ซอสมะเขือเทศ
    7. แครอท
    8. ซีอิ้วขาว, เกลือ, น้ำตาลทราย
    9. ไส้กรอก
    10. ไข่ไก่

    - เมื่อเตรียมเครื่องปรุงเรียบร้อย ก่อนที่จะเริ่มทำข้าวผัดก็นำไก่ที่หมักจนได้ที่แล้วออกจากตู้เย็น ชุบแป้งโกกิทอดให้กรอบนอกนุ่มใน
    - ส่วนไส้กรอกก็จัดการผ่าหัวท้าย แล้วทอดซะนะคะ
    - ไข่ไก่เอาไปทำไข่ดาวเตรียมไว้โปะหน้าข้าวผัดเลยค่ะ
    -
    หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกหั่นตามยาว
    -
    ลูกเกดล้างแล้วสะเด็ดน้ำ
    -
    พริกหวานและแครอทหั่นเต๋าเล็กเตรียมไว้ค่ะ

    วิธีทำข้าวผัด

    นำกระทะตั้งไฟใส่เนยลงไป พอละลายใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดจนหอม แล้วตามด้วยลูกเกด พริกหวาน แครอท ซอสมะเขือเทศ ผัดให้เข้ากัน

    ใส่ข้าวสวยลงไปแล้วเร่งไฟแรง คนให้ข้าวเข้ากับส่วนผสมอื่นชิมรสนิดนึง แล้วเหยาะซีอิ้วขาว เกลือ และน้ำตาลทรายเพิ่มอย่างละนิด อย่างละหน่อยก็พอค่ะ หรือถ้ารสชาติถูกใจแล้วก็ไม่ต้องใส่ค่ะ (ก็แหงล่ะ ถ้าอร่อยแล้วจะใส่เพิ่มทำไมล่ะเนอะ)

    เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย กดให้แน่นนิดหน่อย แล้วคว่ำถ้วยลงบนจานที่จะใช้เสิร์ฟ แล้วจัดไก่ทอด ไส้กรอกและไข่ดาวลงในจานค่ะ ด้วยความที่ชอบทานผัก เราก็ทำผัดผักทานเคียงอีกด้วยค่ะ ก็แค่ผัดมะเขือเทศ เห็ดหอม พริกหวาน และถั่วแขกกับน้ำมันนิดหน่อย ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและซีอิ้วขาวนิดๆ ก็เรียบร้อยค่ะ อื้อ..อิ่มตื้อเลยค่า


    Monday, March 2, 2009

    เค้กโรลช็อคโกแล็ตกล้วยหอม : Chocolate Banana Cream Roll



     


    ส่วนผสม ก. สำหรับถาดอบขนาด 30X33 ซม.
    • แป้งเค้ก 95 กรัม
    • ผงโกโก้ 20 กรัม
    • ผงฟู 1 ชช.
    • เกลือป่น 1/4 ชช.
    • น้ำตาลทรายละเอียด 80 กรัม
    • นมสด 80 มล.
    • ไข่แดง 3 ฟอง
    • น้ำมันพืช 60 กรัม
    • กลิ่นวานิลา 1/2 ชช.
    ส่วนผสม ข.
    • ไข่ขาว 3 ฟอง
    • น้ำตาลทรายละเอียด 40 กรัม
    • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
    ส่วนผสม ค.
    • วิปปิ้งครีมแช่เย็นจัด 300 กรัม
    • เจลาตินผง 3 กรัม (หรือ 2 แผ่น)
    • น้ำตาลวานิลลา 1 ซอง (ถ้าไม่มีใช้น้ำตาลทราย 1 ชต.)
    • กล้วยหอม 1 1/2 ลูก
    • ช็อคโกแล็ตชิพสำหรับตกแต่ง
    วิธีทำ
    เมื่อเตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้วก็จัดการปูกระดาษไขรองถาดอบ อุ่นเตาอบไว้ที่ 190 องศาเซลเซียสด้วยค่ะ

    ร่อนแป้งเค้ก ผงโกโก้ ผงฟู เกลือ และน้ำตาลทราย ก. รวมกัน 2 รอบ ใส่อ่างผสมแล้วทำบ่อตรงกลางค่ะ จากนั้นเทส่วนผสม ก. ที่เหลือทั้งหมดในบ่อแป้ง แล้วใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ พอเข้ากันแล้วพักไว้ก่อนค่ะ

    ตอนนี้เราไปตีไข่ขาวกันค่ะ นำไข่ขาวใส่ชามอ่างที่ล้างสะอาดปราศจากไขมัน ใส่น้ำมะนาวลงไปแล้วตีด้วยความเร็วต่ำประมาณ 15 วินาที หรือจนไข่ขาวฟูมากๆ จากนั้นค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย ข. ทีละน้อย ตีไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลหมดและไข่ขาวตั้งยอดแข็งค่ะ

    นำไข่ขาวไปตะล่อมกับส่วนผสมแป้ง แบ่งใส่สัก 2 ครั้งนะคะ ค่อยๆ ตะล่อมเบามือจนเข้ากันดี แล้วเทส่วนผสมใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบ นำเข้าไปอบประมาณ 10 นาทีจนเค้กสุก นำออกจากเตาปล่อยให้เย็นบนถาดประมาณ 2 นาที แล้วปูผ้าขาวบางหรือผ้าสะอาดบนโต๊ะ โรยน้ำตาลทรายบางๆ ให้ทั่วแผ่นผ้าแล้วคว่ำเค้กลงบนผ้า แกะกระดาษไขออกแล้วม้วนเค้กหลวมๆ เบามือโดยม้วนผ้าเข้าไปด้วยนะคะ ปล่อยทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วค่อยๆ คลี่ออก พักไว้ให้เย็นอุณหภูมิห้องค่ะ

    ระหว่างที่รอให้เค้กเย็นเราก็ไปตีครีมกันค่ะ ก่อนอื่นต้องจัดการกับเจลาตินก่อนนะคะ โดยนำเจลาตินเทใส่ถ้วยเล็กๆ ใส่น้ำเย็นลงไป 1 1/2 ชต. คนให้เข้ากัน แล้วพักไว้ให้เจลาตินจับตัวกันประมาณ 10 นาทีค่ะ จากนั้นนำจานหรือชามที่เข้าไมโครเวฟได้ใส่น้ำประมาณ 1/4 ถ้วยเข้าไมโครเวฟไฟแรงประมาณ 30 วินาที นำออกมาแล้ววางถ้วยเจลาตินลงไปในจาน คนจนเจลาตินละลายหมดค่ะ  นำวิปปิ้งครีมใส่ชามอ่าง ใส่น้ำตาลวานิลา ตีด้วยความเร็วสูงสุดจนกลายเป็นครีมข้น เทเจลาตินใส่ตีต่อจนครีมตั้งยอดแล้วหยุดตีทันทีค่ะ

    ปาดวิปป์ครีมให้ทั่วแผ่นเค้ก (เราปาดครีมน้อยไปหน่อยเลยออกมาไม่สวยนัก ยังไงก็ปาดครีมให้ทั่วแผ่นแล้วเหลือด้านปลายด้านบนไว้ประมาณ 1 นิ้วก็พอนะคะจะได้ออกมาสวยๆ) วางกล้วยหอมลงไป แล้วม้วนเค้กจนสุดปลาย (แต่ครั้งนี้ไม่ม้วนผ้าเข้าไปด้วยนะคะ) ตกแต่งด้านนอก ปาดครีมที่เหลืออยู่แล้วโรยด้วยช็อคชิพให้ทั่ว นำเค้กแช่ตู้เย็นประมาณ 2 ชม. ก่อนตัดเสิร์ฟค่ะ ถ้าตัดก่อนแช่เย็นครีมก็จะเปรอะเหมือนในรูปค่ะ ดูไม่เรียบร้อยและไม่น่ากินเลย ห้ามเลียนแบบนะคะ


    ขำตัวเอง ความที่ไม่ชอบกินเค้กช็อคโกแล็ตแต่อยากทำเพื่อถ่ายรูปมาเปลี่ยนรูปเดิมที่เคยลงไว้ แต่ทำแล้วก็ไม่ได้สวยกว่าเดิมเลย ทำเสร็จแล้วไม่รู้จะทำยังไงกับมันเพราะตัวเองก็ไม่ชอบกิน เจ้านายก็ไม่ชอบ ให้เอาไปให้พ่อแม่คุณลูกตราปอป๋วยก็บ่นออดๆ แอดๆ เลยบอกเอางี้แล้วกัน ไปกดกริ่งบ้านเพื่อนบ้านแล้วยัดเยียดเค้กให้เลย คุณน้าเค้าขอบอกขอบใจเป็นการใหญ่ คงไม่รู้ตัวว่าได้ตกเป็นเหยื่อรายใหม่ของเราไปแล้ว อิอิ