วันนี้ได้ฤกษ์ลงสูตรเค้กกล้วยหอมตามคำขอของคุณณัฐซะทีค่ะ ขอไว้เป็นอาทิตย์แล้วแต่เราไม่มีโอกาสทำซะที แต่วันนี้เห็นว่ากล้วยหอมงอมเต็มที่ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนเหลือเกิน อย่ากระนั้นเลย จับมาทำเค้กกล้วยหอมเพื่อถ่ายรูปลงสูตรให้คุณณัฐดีกว่า
ว่าแต่เรารีบทำ รีบถ่ายรูป ไม่มีเวลาจัดฉาก จัดแสงอะไร เลยไม่มีรูปสวยๆ มาฝาก ขอโทษด้วยนะคะ ไว้วันหน้าวันหลังเผื่อได้ทำใหม่อีกรอบแล้วจะถ่ายรูปสวยๆ มาเปลี่ยนให้ค่ะ ยังไงซะถึงรูปไม่สวยแต่รสชาติเนี่ยเรารับประกันว่าอร่อยค่ะ เค้กเนื้อนุ่มดี แล้วก็ได้รสกล้วยหอมเต็มปากเต็มคำดีด้วยค่ะ
เค้กกล้วยหอมสูตรนี้หากใครจะอบใส่พิมพ์มัฟฟินก็ได้นะคะ แต่ตอนอบให้ใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียสตลอดการอบค่ะ ใช้เวลาอบประมาณ 20-25 นาทีก็สุกแล้วค่ะ ทำเป็นแบบมัฟฟินก็สะดวกและดูน่ารักน่ากินไปอีกแบบเหมือนกันนะคะ
ส่วนผสมเค้กกล้วยหอมสูตรนี้หากใครจะอบใส่พิมพ์มัฟฟินก็ได้นะคะ แต่ตอนอบให้ใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียสตลอดการอบค่ะ ใช้เวลาอบประมาณ 20-25 นาทีก็สุกแล้วค่ะ ทำเป็นแบบมัฟฟินก็สะดวกและดูน่ารักน่ากินไปอีกแบบเหมือนกันนะคะ
- กล้วยหอมสุกงอมน้ำหนักไม่รวมเปลือก 300 กรัม (ประมาณ 2 ลูกใหญ่เบิ้มนะคะ)
- กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1 ชช. (Butter-Vanille Aroma)
- แป้งเอนกประสงค์ 200 กรัม (Weizenmehl Type 405)
- ผงฟู 1 ชช. (Backpulver)
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ชช. (Backnatron, Kaisernatron)
- ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 110 กรัม (Zucker, fein)
- น้ำมันพืช 80 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ชช.
หมายเหตุ ใครจะใส่วอลนัทสับหยาบ, ลูกเกด หรือช็อคโกแลตชิปส์ ลงไปผสมในขั้นตอนสุดท้ายก่อนเทใส่พิมพ์อบก็ได้นะคะ แต่เราไม่ชอบเลยไม่ได้ใส่ค่ะ
วิธีทำ เตรียมพิมพ์โลฟขนาด 25x11 ซม. ปูกระดาษไขรองพิมพ์ หรือจะใช้วิธีทาเนยบางๆ ให้ทั่วพิมพ์แล้วโรยแป้งแทนก็ได้ค่ะ อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียสด้วยนะคะ
ร่อนแป้งรวมกับผงฟูและเบกกิ้งโซดา 1 ครั้งค่ะ แต่เราขี้เกียจจริงๆ เลยใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันแทนค่ะ ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นไปได้ใช้ร่อนจะดีกว่านะคะ เพราะนอกจากส่วนผสมจะเข้ากันดีแล้วยังช่วยไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อนด้วยค่ะ เมื่อร่อนแป้งเสร็จแล้วเราก็จัดการบดกล้วยหอมกับวานิลารวมกัน จะใช้ที่บดมันฝรั่งหรือใช้ส้อมบดเหมือนเราก็ได้ค่ะ แล้วแต่สะดวก
จากนั้นก็ตอกไข่ใส่อ่างผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย น้ำมันพืช และเกลือป่น ตีรวมกันด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 3 นาที จนไข่ฟูและมีลักษณะค่อนข้างข้นค่ะ จากนั้นก็ใส่กล้วยบดลงไปตีด้วยความเร็วต่ำให้เข้ากันดีกับส่วนผสมไข่ แล้วจึงใส่ส่วนผสมแป้งที่เราร่อนไว้ลงไปพรวดเดียวเลย ตีด้วยความเร็วต่ำประมาณ 1 นาที หรือพอส่วนผสมเข้ากันดีก็หยุดค่ะ เสร็จแล้วก็ใช้ไม้พายกวาดไปที่ก้นและขอบอ่างเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีเศษแป้งนอนอยู่ก้นอ่างค่ะ จากนั้นหากใครอยากใส่วอลนัทสับหยาบ, ลูกเกด หรือช็อคโกแลตชิปส์ ก็ใส่ลงไปตอนนี้เลยค่ะ ใช้ไม้พายวนแค่ 3-4 ครั้งก็พอ แล้วก็เทใส่พิมพ์ที่เราเตรียมไว้ค่ะ
นำเข้าอบไฟบน-ล่าง โดยวางพิมพ์ในชั้นที่ 2 จากล่าง อบไฟ 180 องศาเซลเซียสประมาณ 10 นาที เปิดฝาเตาอบแล้วใช้มีปลายแหลมกรีดตรงกลางเค้กเป็นทางยาวเพื่อช่วยให้เค้กมีรอยแตกที่สวยงามค่ะ กรีดเสร็จก็ปิดเตาอบแล้วลดไฟลงเหลือ 160 องศาเซลเซียส อบต่ออีกประมาณ 50 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุกและมีสีสวยค่ะ ทดสอบว่าเค้กสุกหรือยังโดยการใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มลงตรงกลางเค้ก หากไม่มีเศษแป้งติดไม้มาก็แสดงว่าเค้กสุกแล้วค่ะ
นำเค้กออกจากเตาอบ วางบนตะแกรงพักให้อุ่นในพิมพ์ประมาณ 5 นาที แล้วจึงนำเค้กออกจากพิมพ์แล้วพักบนตะแกรงให้เย็นสนิทค่ะ เมื่อเค้กเย็นสนิทใครจะตัดเสิร์ฟเลย หรือจะตัดเป็นชิ้นๆ แล้วห่อพลาสติกให้มิดชิด ก่อนจะนำไปใส่กล่องพลาสติกเก็บในช่องฟรีซไว้ทานวันหลังก็ได้นะคะ เก็บไว้ได้เป็นเดือนเลยค่ะ
เค้กเย็นสนิทแล้วก็ใช้มีดฟันเลื่อยหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดหนาบางตามชอบค่ะ เนื้อเค้กที่ได้นุ่มอร่อย ฉ่ำดีค่ะ เราบดกล้วยไม่ละเอียดมาก กัดไปแล้วเจอกล้วยชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้อารมณ์เค้กกล้วยหอมดีค่ะ หวังว่าคุณณัฐและเพื่อนๆ ที่ลองทำจะชอบเหมือนเรานะคะ
ชอบเหมือนกันค่า^^
ReplyDeleteชอบก็ลองทำนะจ๊ะคุณนิดหน่อย
ReplyDeleteคุณอุ้ยขอบคุณมากๆๆๆเลยค่ะที่ลงสูตรให้ตั้งนานแล้วแต่ณัฐพึ่งทำเมื่อวันศุกร์นี้เอง ไปหลงอยู่ในดงขนมปังกับโดนัทของคุณอุ้ยหาทางออกไม่เจอจริงๆๆ พอดีเดินไปเห็นกล้วยก็นึกขึ้นได้ ต้องบอกว่าอร่อยมากค่ะไม่ได้กินคนเดียวนะค่ะเพื่อนบ้านกินด้วยก็บอกว่าอร่อยมากสูตรคุณอุ้ยทำแล้วไม่ผิดหวังเลยจริงๆๆๆนะ
ReplyDeleteทำไปแล้วเมื่อวันเสาร์ค่ะ คุณอุ้ย ทำไปแจกคนน้ำท่วมค่ะ อบใส่โลฟ แล้วหั่นเหมือนที่คุณอุ้ยทำค่ะ ใช้กล้วยไปทั้งหมดเกือบ 4 กิโล แหะ แหะ ได้กองทัพขนมไปเยอะเลยค่ะ
ReplyDeleteเก็บเอาไว้ให้แม่ไปใส่บาตรด้วยค่ะ ที่บ้านบอกว่า ถึงเนื้อจะแน่น(ไปด้วยกล้วย)ก็ อาหร่อยยยยย ค่า
ลูกสาวชอบมาก
ขอบคุณนะคะสำหรับสูตรดี ๆ
สุตรนี้ก็ทำแล้วสามีกินไปครื่งเลยแถมมาบ่นว่าฉันอ้วนนะอีกต่างหากขอบคุณมากนะค่ะ
ReplyDeleteรบกวนคุณครูขอชื่อส่วนผสมเป็นภาษาเยอรมันได้มั้ยค่ะ เราอยู่เยอรมันอยากทำมากๆ แต่ไม่รู้ว่าอย่างแป้งอเนกประสงค์มันคือแป้งเบอร์อะไรแบบไหนเหรอค่ะ ที่นี่ไม่เจอแบบเขียนเป็นแป้งอเนกประสงค์ตรงๆเลยค่ะ
ReplyDeleteปล อยากทำบลูเบอรี่ชีทเค้กด้วยค่ะ แต่หาซื้อครีมชีทไม่ได้ไม่ทราบว่าเค้าเรียกว่าอะไรเหรอค่ะ searchดูก็ไม่เจอ ไปตามร้านดูเองก็ไม่มีค่ะ รบกวนชี้แนะด้วยนะค่ะ
ปล2 อยากทำคุกกี้แบบนิ่มด้วยค่ะ ไม่ทราบมีสูตรแนะนำมั้ย
ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ
** ขอบคุณคุณ งิ้ง กับคุณ lawan สำหรับเม้นท์น่ารักๆ นะคะ
ReplyDelete** คุณ Anonymous เราลงชื่อส่วนผสมเค้กกล้วยหอมเป็นภาษาเยอรมัน
กำกับไว้ให้ข้างบนแล้วนะคะ
แป้งอเนกประสงค์ คือ weizenmehl type 405 ค่ะ เป็นแป้งสาลีที่
ใช้ทำเค้ก คุ๊กกี้ หรือขนมปังก็ได้ สมกับชื่ออเนกประสงค์เลยค่ะ อิอิ
แป้งเค้ก ถ้าหาแป้งเค้กบัวแดงแบบเมืองไทยไม่ได้ก็ลองนำ
weizenmehl type 405 ผสมกับ Speisestärke อัตราส่วน
60:40 ก็ใช้แทนกันได้ค่ะ
แป้งขนมปัง ใช้แป้ง weizenmehl type 550/ type 1050 ค่ะ
ครีมชีส คือ Frischkäse ค่ะ ถ้าชอบแบบเข้มข้นเต็มรสครีมก็ใช้แบบ
Doppelrahmstufe ยี่ห้อ Philadelphia ก็ได้ หรือจะใช้พวก
ซอฟท์ครีมชีส หรือที่เรียกว่า Quark ของเยอรมันแทนก็ได้ค่ะ อ้วน
น้อยกว่าด้วย อิอิ
ส่วนคุ๊กกี้นิ่ม เรามีแต่สูตรคุ๊กกี้กล้วยหอมน่ะค่ะ http://varithornde.blogspot.com/2009/05/bananenkekse.html
สวัสดีค่ะพี่อุ๊ย นู๋ลองทำแล้วค่ะ แอบใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ไป 1/2 ชช. ด้วยแหละค่อ หุหุ
ReplyDeleteแต่อร่อยยยม๊ากกกๆ นู๋ว่าทำง่ายกว่าเค้กเนยสดอีกค่ะ รอบเดียวผ่านนฉลุย
ขอบคุณนะคร๊า
เก่งมากๆ ค่ะ ทำรอบเดียวผ่านเลยคราวนี้ ตบมือๆ
Deleteรบกวนถามนะคะ สูตรนี้ใช้แป้งเค้กได้มั้ยคะ หน้าตา รสชาติจะเหมือนมั้ยคะ ขอบคุณคะ
ReplyDeleteสูตรนี้เราไม่เคยลองใช้แป้งเค้กทำแทนแป้งเอนกฯ นะคะคุณกวาง แต่อีกสูตรนึงเคยใช้ก็ออกมาไม่ต่างกันมาก http://varithorn.blogspot.de/2012/10/2-banana-cake.html สูตรนั้นนุ่มอร่อยกว่าด้วยค่ะ
Deleteลองทำเมื่อวาน ค่ะ อร่อย ค่ะ. แต่สงสัย ตอนสิบนาที แล้วให้เอามีด กรีด. สงสัย เร็วไปหน่อย. กรีด ไม่สวย หน้าแตก หลายแฉกเลยคะ่. 555 แล้ว พอดีไม่เคยทำเคย กล้วยหอม ไม่แน่ใจสี. อบไปสักพัก ขอบ เค้กเริ่ม สีเข้ม. เลย เบาไฟ นิดหน่อย. แต่สรุปว่า พอเค้กสุก สีอ่อนไม่นิด ตอนแรกกลัว ไหม้ 555
ReplyDeleteไม่เป็นไรค่ะ เค้กกล้วยหอมสูตรต้องต้องหน้านูนและแตกเป็นแฉกๆ อยู่แล้วค่ะ ว่าแต่คุณ Sky fog
Deleteไม่ลองทำสูตร 2 ดูบ้างเหรอคะ เราชอบสูตรสองมากกว่าเยอะเลยค่ะ สูตรอยู่ลิงค์ด้านขวามือนะคะ
ขอสูตรไปหัดทำบ้างนะคะขอบคุณมากๆคะ
ReplyDeleteด้วยความยินดีค่ะ ^_^
Deleteเมื่อคืนลองทำ อร่อย หอม ขอบคุณมากสำหรับสูตรดีๆนะคะ
ReplyDeleteดีใจจังเลยค่ะ ขอบคุณเช่นกันนะคะสำหรับผลการทดลองค่ะ
Deleteถ้าเราผงฟูอย่างเดียวไม่ใส่เบกกิ้งโซดาจะทำได้ไหมครับ
ReplyDeleteมีผงฟูไม่มีเบกกิ้งโซดาทำได้ไหมครับ
ReplyDeleteมีผงฟูไม่มีเบกกิ้งโซดาทำได้ไหมครับ
ReplyDeleteมีผงฟูไม่มีเบกกิ้งโซดาทำได้ไหมครับ
ReplyDeleteมีผงฟูไม่มีเบกกิ้งโซดาทำได้ไหมครับ
ReplyDeleteถ้าเราผงฟูอย่างเดียวไม่ใส่เบกกิ้งโซดาจะทำได้ไหมครับ
ReplyDelete