วันนี้มีมัฟฟินกล้วยหอมสูตรอร่อยมาฝากค่ะ สูตรนี้ทำบ่อยมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ ใครชอบทานเค้กกล้วยหอมถ้าเบื่อสูตรเดิมๆ ที่เคยทำ อยากลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้างก็ลองใช้สูตรนี้ดูนะคะ อร่อยจริงๆ นาไม่ได้โม้ ทำง่ายที่สุดในจักรวาลเลยด้วย ไม่ต้องต้องตีส่วนผสมมากใช้แค่ตะกร้อมือตั้งแต่ต้นจนจบเลยค่ะ
ส่วนผสม
- ไข่ไก่ขนาดกลาง 1 ฟอง
- น้ำตาลทราย 110 กรัม
- เกลือ 1/4 ชช.
- เนยละลาย 60 กรัม
- กล้วยหอมสุกงอม 2 ลูก (น้ำหนักไม่รวมเปลือกประมาณ 280 กรัม )
- วานิลาเอ๊กซ์แทร็ค 1/2 ชช.
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 180 กรัม
- ผงฟู 1 ชช.
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ชช.
- ช็อคชิปส์/วอลนัทสับ 50 กรัม
วิธีทำ
ก่อนอื่นเตรียมพิมพ์มัฟฟินรองด้วยถ้วยกระดาษ อุ่นเตาอบไฟบนล่างไว้ที่ 200ซี ด้วยนะคะ จัดการร่อนแป้งรวมกับผงฟูและเบกกิ้งโซดารวมกัน 2 รอบ จากนั้นก็หันไปปอกเปลือกกล้วยหอมแล้วใช้ช้อนส้อมบดรวมกับวานิลาจนละเอียด พักไว้ก่อนค่ะ
ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปแล้วตีพอเข้ากัน จากนั้นก็ใส่เนยละลายและกล้วยบดลงไปคนให้เข้ากัน สุดท้ายเทแป้งทั้งหมดลงไปคนเบาๆ แค่แป๊บเดียว พอเข้ากันก็หยุดค่ะ สุดท้ายใส่ช็อคโกแล็ตชิปส์หรือวอลนัทสับลงไป วน 2-3 ครั้งพอค่ะ
เทส่วนผสมใส่ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ นำถาดมัฟฟินวางชั้นกลางของเตา อบไฟบน-ล่าง 200ซี ประมาณ 10 นาที แล้วลดเหลือไฟ 180 ซี อบต่ออีกประมาณ 10-12 นาทีจนมัฟฟินมีสีเหลืองทอง เช็คสุกโดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลาง หากไม่มีแป้งติดไม้มาก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ
ก่อนอื่นเตรียมพิมพ์มัฟฟินรองด้วยถ้วยกระดาษ อุ่นเตาอบไฟบนล่างไว้ที่ 200ซี ด้วยนะคะ จัดการร่อนแป้งรวมกับผงฟูและเบกกิ้งโซดารวมกัน 2 รอบ จากนั้นก็หันไปปอกเปลือกกล้วยหอมแล้วใช้ช้อนส้อมบดรวมกับวานิลาจนละเอียด พักไว้ก่อนค่ะ
ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปแล้วตีพอเข้ากัน จากนั้นก็ใส่เนยละลายและกล้วยบดลงไปคนให้เข้ากัน สุดท้ายเทแป้งทั้งหมดลงไปคนเบาๆ แค่แป๊บเดียว พอเข้ากันก็หยุดค่ะ สุดท้ายใส่ช็อคโกแล็ตชิปส์หรือวอลนัทสับลงไป วน 2-3 ครั้งพอค่ะ
เทส่วนผสมใส่ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ นำถาดมัฟฟินวางชั้นกลางของเตา อบไฟบน-ล่าง 200ซี ประมาณ 10 นาที แล้วลดเหลือไฟ 180 ซี อบต่ออีกประมาณ 10-12 นาทีจนมัฟฟินมีสีเหลืองทอง เช็คสุกโดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลาง หากไม่มีแป้งติดไม้มาก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ
นำถาดมัฟฟินออกมาจากเตาอบ แล้วย้ายขนมออกจากพิมพ์มัฟฟินไปวางบนตะแกรง พักมัฟฟินให้เย็นสนิทก่อนเสิร์ฟค่ะ
เย็นแล้วๆ จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมน้ำชาหรือกาแฟยามบ่าย แหล่มล่ายแบบง่ายดายจริงๆ ค่ะ
เนื้อในค่ะ หอมหวานกลมกล่อมนุ่มลิ้น เนื้อมัฟฟินชุ่มฉ่ำกำลังดี คนชิมที่ไม่ใช่เจ้านายที่บ้านเค้าการันตีมาแล้วจ้า
เนื้อในค่ะ หอมหวานกลมกล่อมนุ่มลิ้น เนื้อมัฟฟินชุ่มฉ่ำกำลังดี คนชิมที่ไม่ใช่เจ้านายที่บ้านเค้าการันตีมาแล้วจ้า
ข้างล่างนี้ใส่วอลนัทค่ะ เป็นรูปเก่าที่ทำไว้เป็นปีแล้วมั๊ง บางคนชอบแบบใส่ช็อคชิปส์ บางคนก็ชอบวอลนัทมากกว่า เอาเป็นว่าชอบอะไรก็เลือกใส่อันนั้นไปแล้วกันนะคะ หรือถ้าเลือกไม่ถูกจะใส่ทั้งสองอย่างเลยก็ได้เช่นกันค่ะ
จะฝึกหัดทำกินเองครับ ขอบคุณครับ
ReplyDeleteลองดูนะคะ เผื่อชอบใจค่ะ
ReplyDeleteน่าทานจังค่ะ ดูทำง่าย ๆ นะคะ จะลองทำดูนะคะ
ReplyDeleteใช่ค่ะ ทำง่ายมากๆ เนื้อขนมหอมนุ่มดีด้วย คนชิมติดใจไปตามๆ กัน ขนาดคนที่ปกติไม่ยอมกินเค้กกล้วยหอมเลย ครั้งนี้เค้าชิมแล้วยังชอบเลยค่ะ ลองทำดูนะคะ
ReplyDeleteคุณวาว่าคะ ดิฉันลองทำดูแล้วน่ะคะ แต่เนื้อมันแห้งจังเลยค่ะ เป็นเพราะอะไรคะ ดิฉันใช้แป้งสูตร 405 ของเยอรมันนีน่ะค่ะ ถูกหรือเปล่าคะ ถ้าเปลี่ยนจากเนยเป้น น้ำมั้นพืชได้หรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะ
ReplyDeleteแป้ง 405 ถูกแล้วค่ะ แต่มัฟฟินเนื้อแห้งเพราะอะไรตอบไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะที่เราทำออกมานุ่มมาก
Deleteอ้อ ถ้าอยากลองใช้สูตรน้ำมันพืชลองสูตรนี้นะคะ เผื่อดีขึ้น
Deletehttp://varithorn.blogspot.com/2011/09/banana-cake.html
จะลองทำดูคะ แต่ติดตรงที่บอกว่า "จัดการร่อนแป้งรวมกับผงฟูและเบกกิ้งโซดารวมกัน 2 รอบ" อันนี้ไม่เข้าใจอ่ะคะ รบกวนอธิบายหน่อยได้ไหมคะ คือว่ามือใหม่หัดเบคคะ
ReplyDeleteนำแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาใส่รวมกันในอ่างใบนึง แล้วนำไปร่อนผ่านตะแกรงตาถี่ 2 ครั้งค่ะ
Deleteทำแบบนี้เพื่อให้ผงฟูกับเบกกิ้งเข้ากันดีกับแป้ง แล้วก็ช่วยให้ส่วนผสมกระจายตัวดี ไม่จับตัวกัน
เป็นก้อน ตอนที่นำไปผสมกับส่วนของเหลวจะช่วยให้ผสมกันได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
ขอบคุณมากคะ
Deleteยินดีค่า
Deleteทำแล้วค่ะวันนี้เองนุ่มอร่อย คนที่บ้านถูกใจมากตรงที่ใส่ช็อคกาแลตชิปส์นี่แหละค่ะ
ReplyDeleteใส่ช็อคชิปส์นี่บางคนก็ปลื้ม บางคนก็ส่ายหน้านะคะ โชคดีที่คนที่บ้านคุณพรพนาชอบ
Deleteส่วนเราถ้าทำกินเองชอบใส่ไวท์ช็อคที่สุดค่ะ
ลองทำดูแล้วค่ะอร่อยมากมาย,ลูกๆชอบมาก
ReplyDeleteดีใจจังค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาบอก
Deleteพี่อุ๊ยยยจ๋าาา....แง๊ๆๆๆๆ
ReplyDeleteเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง นู๋ใช้แป้งเค้กพัดโบกแทนเพราะเข้าใจว่ามันน่าจะนิ่ม
พออบออกมาเป็นมัฟฟินเปลือกแข็ง แห้งๆ ลุ่ยๆค่ะ
แป้งสาลีเอนกประสงค์ใช้ของแป้งว่าวได้หรือป่าววค่ะ
เททิ้งหมดเลยค่ะ กะว่าจะอวดมามี๊ซะหน่อย หุหุ
ใช่จ้ะ น้อง jibsy ใช้แป้งตราว่าวคือแป้งเอนกประสงค์แหละ แต่พี่ไม่เคยใช้หรอกเพราะไม่ได้อยู่
Deleteเมืองไทย แต่ใช้แป้งเอนกประสงค์ของที่นี่ทำค่ะ น้อง jibsy ลองใหม่นะคะ
ปล. เพิ่งเคยเห็นรูป สวยนะเนี่ยเด็กคนเนี้ย ^^
ขอบคุงค๊าบบบป๋มพี่จ๋าววผู้จัยดี
Deleteตอนนี้ม่ะอยากลองแล้วค่ะมัฟฟิน เปลี่ยนมาเป็นคุ๊กกี้แทน
พี่อุ๊ยรีบหาสูตรใหม่ๆมาให้น้องลองเลยยย
เอาแบบง่ายๆนะค๊าฟฟป๋ม
ขอบคุณคร๊าา
อ้าว ดผลี่ยนใจซะงั้น เรื่องสูตรใหม่ๆ รอนิดนึงนะจ๊ะ ตอนนี้ผีขี้เกียจยังสิงพี่อยู่เลย แง่มๆ
Deleteวันนี้ลองทำดู ปรากฏว่าเค้กหน้าแตกซะเยินเลย ทำยังไงให้เวลาอบเค้กหน้าไม่แตกหรอครับ ชั่งตวงสูตรเป๊ะๆเลยครับบ
ReplyDeleteเค้กหน้าแตกเหรอคะ คราวหน้าถ้าทำอีกก็ลองอบไฟ 180 ซี ตลอดการอบก็ได้ค่ะ
Deleteไฟ 200 ซี อาจจะแรงเกินไปสำหรับเตาอบของคุณ
เนยใช้เป็นเนยเค็มหรือเนยจืดคะ เพราะส่วนใหญ่มั่วเอาค่ะแต่มักจะใช้เนยเค็มบ่อยๆสำหรับการทำขนมอย่างอื่น แต่ก็กลัวรสชาติจะเค็มไปหรือเปล่าเพราะในสูตรก็มีเกลืออยู่แล้ว รบกวนแนะนำด้วยนะคะ ขอยคุณมากค่ะ (มือใหม่หัดทำขนมค่ะ)
ReplyDeleteถ้าอยู่เมืองไทยแล้วในสูตรมีเกลืออยู่ก็ใช้เนยจืดค่ะ แต่ถ้าอยู่เยอรมนีใช้เนยเค็มได้เลยเพราะเนยเค็ม
Deleteที่นี่ไม่เค็มเท่าเนยเค็มที่เมืองไทยค่ะ
http://www.mediafire.com/view/5t1sllnb9cnekxp/1436536878322.jpg
ReplyDeleteส่งการบ้านค่ะ ไม่สวยเท่าไหร่แต่รสชาติใช้ได้เลยค่ะ ลดน้ำตาลลงจากสูตรนิดหน่อยเพราะคิดว่ากล้วยน่าจะหวานอยู่แล้ว และเลือกใส่เป็น Dark Chocolate Chip แทนค่ะ พอดีเป็นคนไม่ชอบทานหวานมากๆ สูตรนี้ดีมากเลยค่ะ รสชาติดี อร่อย สามารถทำแจกได้ด้วย ขอบคุณมากๆนะคะ (ลืมใส่ไข่ไปตอนแรก ใส่เนย น้ำตาล กล้วยผสมกลิ่นวนิลาแล้วค่อยมาใส่ไข่ เลยไม่แน่ใจว่าทำให้หน้าแตกหรือเปล่า อบด้วยควาทร้อน 200 องศา 10 นาทีและ 180 อีก 20 นาทีค่ะ เพราะพิมพ์มันสูงนิดนึงเลยไม่สุกถ้าใช้เวลาตามสูตีเป๊ะๆนะคะ) หน้าตาพอได้มั๊ยเอ่ย เพิ่งหัดทำครั้งแรกค่ะ ☺
น่ากินออกนะคะ ฟูๆ หน้าแตกหน่อยๆ แบบนี้ดูน่ากินกว่าของเราอีกค่ะ แต่ถ้าคุณอยากให้หน้า
Deleteมัฟฟินเรียบๆ คราวหน้าถ้าอบใส่ถ้วยทรงสูงแบบนี้ลองลดไฟเหลือ 180 องศาเซลเซียสตั้งแต่
ต้นจนจบ แล้วก็เพิ่มเวลาอบให้นานกว่าสูตรประมาณ 10 นาทีน่าจะหมดปัญหานี้ค่ะ แต่จริงๆ
แล้วเราว่าหน้าแตกแบบนี้ถึงจะสมเป็นมัฟฟินนะคะ