Tuesday, August 17, 2010

สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ : Spaghetti alla Bolognese


เมื่อวานทำสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ(หมู) ให้คนที่บ้านทานเป็นมื้อเย็นค่ะ ส่วนเราทำผัดมะเขือใส่ไข่ราดข้าวให้ตัวเอง แบบว่าเบื่ออาหารฝรั่ง ในขณะที่สามีก็เบื่ออาหารไทยเหมือนกัน(มั๊ง) งานนี้เลยตัวใครตัวมัน ใครชอบแบบไหนก็กินแบบนั้นไป ไม่ต้องทะเลาะกันเนอะ

เครื่องปรุง สำหรับรับประทาน 2-3 คน
  1. สปาเก็ตตี้ 200 กรัม
  2. น้ำมันมะกอก 1 ชต.
  3. หอมหัวใหญ่ 1 หัวเล็ก
  4. แครอท 1 หัวเล็ก
  5. หัวแซลเลอรี่ 30 กรัม
  6. เนื้อสับ 250 กรัม (จะใช้เป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อวัวผสมเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ก็ได้ค่้ะ)
  7. marjoram ออริกาโน บาซิล พาร์สลีย์
  8. กระเทียม 1 กลีบใหญ่
  9. ไวน์ขาว 50 มล.
  10. น้ำซุป 50 มล.
  11. ซอสมะเขือเข้มข้น (Tomato puree) 250 กรัม หากไม่มีใช้มะเขือเทศแก่จัด ต้มในน้ำเดือด 5 นาที ปอกเปลือกแล้วบดละเอียดแทนได้ค่ะ
  12. Tomato paste 2-3 ชต.
  13. เกลือ พริกไทย ผงปาปริก้า (อย่างละประมาณ 1 ชช. ค่ะ)
  14. พาร์มีซานขูดสำหรับโรยหน้าพาสต้าตอนทานค่ะ
วิธีทำ

ปอกหอมหัวใหญ่ ซอยหรือสับละเอียด แครอทก็ปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็กๆ หัวแซลเลอรี่ปอกเปลือก หั่นเต๋าเล็ก กระเทียวปอกเปลือก สับละเอียด ผสมซอสมะเขือเทศเข้มข้นกับ Tomato paste รวมกันไว้ บรรดา herbs ก็ล้างให้สะอาดแล้วสับละเอียดรวมกัน (เราใช้ marjoram และออริกาโนแห้ง ประมาณอย่างละ 1 ชช. บาซิลสดประมาณ 1 ชต. พาร์สลีย์สดประมาณ 1 ชต. ค่ะ)

ใส่น้ำมันมะกอกในหม้อตั้งไฟพอเริ่มร้อน ใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่เนื้อสับลงไปผัดรวมกัน พอเนื้อเริ่มเปลี่ยนสีก็ใส่แครอท แซลเลอรี่ herbs แห้ง บดพริกไทยใส่ แล้วตามด้วยเกลือป่น และผงปาปริก้าลงไปคนให้เข้ากันจนเนื้อสุกดี ระหว่างคนก็ใช้ทัพพีบดเนื้อให้แตกไม่จับตัวกันเป็นก้อนด้วยนะคะ

ใส่ส่วนผสมมะเขือเทศลงไปคนให้เข้ากัน ตุ๋นไฟอ่อนประมาณ 5 นาทีค่ะ

จากนั้นเร่งไฟกลางใส่น้ำซุป และไวน์ขาวลงไปคนให้เข้ากัน แล้วลดไฟอ่อนสุดเคี่ยวต่ออีก 20 นาทีค่ะ

หลังจากนั้นใส่กระเทียมสับและ herbs สดลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ หากรสชาติยังไม่เข้มข้นพอก็ปรุงเพิ่มด้วยเกลือ พริกไทย และผงปาปริก้าค่ะ เมื่อพอใจแล้วก็ปิดฝาหม้อ ตุ๋นต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็เรียบร้อยค่ะ

หลังตุ๋นซอสประมาณ 20 นาทีแล้วก็หาหม้ออีกใบใส่น้ำ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่เกลือลงไป ต้มน้ำพอเดือดก็ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปต้มจนสุก อย่าลืมคนเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ เมื่อสุกแล้วก็เทใส่ตะแกรงหรือกระชอนผ่านน้ำเย็น สะเด็ดน้ำไว้ แล้วแบ่งใส่จานเสิร์ฟ ตักซอสเนื้อราดลงบนสปาเก็ตตี้ โรยหน้าด้วยพาร์มีซาน เสิร์ฟได้เลยค่ะ



Tuesday, August 10, 2010

คั่วกลิ้งหมู : Pork with yellow curry paste


ส่วนผสมเครื่องแกงโดยประมาณ
  • พริกแห้ง 1/2 ถ้วย
  • หอมแดงหั่นหยาบ 2 หัว
  • กระเทียมหั่นหยาบ 2 กลีบใหญ่
  • ตะไคร้ซอย 2 ต้น
  • ข่าหั่นหยาบ 3 แว่น
  • ขมิ้นยาวประมาณซอยละเอียด 3 ซม.
  • ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1 ชต.
  • ใบมะกรูดหั่นละเอียด 5 ใบ
  • พริกไทยเม็ด 2 ชต.
  • เกลือป่น 1 ชช.
  • กะปิ 1 ชต.

วิธีทำเครื่องแกง


โขลกหรือบดพริกแห้งให้ละเอียดแล้วใส่ส่วนผสมทุกอย่างยกเว้นกะปิลงไปโขลกรวมกันจนละเอียด สุดท้ายใส่กะปิลงไปโขลกรวมให้เข้ากัน เรียบร้อยค่ะ  (เราไม่มีครกหินใบโตๆ เลยใช้วิธีบดจนละเอียดแทนค่ะ)

เครื่องปรุงคั่วกลิ้ง
  • หมูสับ (หรือหั่นชิ้นตามชอบค่ะ) 250 กรัม
  • พริกแกงคั่วกลิ้ง 2 1/2 ชต.
  • น้ำปลา 1 - 1 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย 3 ใบ
  • พริกกะเหรี่ยงหั่นเฉียง 1 เม็ด
 วิธีทำ


นำกระทะตั้งไฟ พอกระทะเริ่มร้อนใส่เนื้อหมูลงไปรวนจนสุกและเริ่มมีน้ำซึมออกมา ใส่พริกแกงลงไปผัดให้เข้ากันดี ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ผัดให้เข้ากันจนเครื่องปรุงเข้าเนื้อ ผัดแห้งดีแล้วใส่ใบมะกรูดหั่นซอยและพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงคนให้เข้ากัน ปิดไฟ ทานคู่กับผักเคียงต่างๆ พร้อมไข่ดาวด้วย อร่อยซ๊า

Thursday, August 5, 2010

เค้กแอ๊บเปิ้ลสตรอยเซล : Apple Streusel Cake


สวัสดีค่า หายหน้าหายตาไปเดือนกว่าๆ  ตอนนี้กลับมาประจำการเหมือนเดิมแล้วจ้า ที่หายไปก็กลับไปเที่ยวเมืองไทยมาเหมือนทุกปีน่ะค่ะ แต่ปกติจะกลับไปหน้าหนาว ปีนี้เป็นปีแรกที่กลับไทยช่วงหน้าร้อน แทบเอาชีวิตไม่รอด (ปานนั้นเลย 55) ร้อนมากถึงมากที่สุด ร้อนเหมือนอยู่ในเตาอบ ทรมานจริงๆ วันนึงอาบน้ำหลายรอบมากๆ นี่ขนาดไม่ได้กลับช่วงเมษา-พฤษภานะเนี่ย

ว่าแต่เรื่องสนุกๆ ก็มีนะคะ คือตอนอยู่ที่โน่นได้มีโอกาสได้ทำนาด้วยค่ะ 2 ชม. เต็มๆ ตอนเย็นหลังจากที่คนงานเลิกทำแล้ว ถ่ายรูปตอนทำนามาโชว์ด้วย ร่วมกัน 3 แรงแข็งขันกับน้องสาวและหลานสาว ตอนนั้นฝนตกปรอยๆ ด้วย มีรุ้งกินน้ำขึ้น 2 วงสวยงามแจ่มชัดมากๆ สนุกสนาน เลอะเทอะไปตามๆ กัน พอวันรุ่งขึ้นก็ได้เรื่อง ปวดแขนปวดขาน่าดูชมเลย แต่ก็สนุกมากๆ เหมือนกันค่ะ ฝรั่งตาน้ำข้าวที่ไปด้วยก็ยิกๆ อยากลงไปทำบ้างแต่บังเอิญนิ้วเท้าหักเข้าเฝือกอ่อนอยู่เลยอด บ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย 55

ระหว่างอยู่เมืองไทยข่าวว่ายุโรปร้อนตับแตกที่สุดในรอบ 60 ปี ยังกังวลอยู่เลยว่านี่เราจะต้องหนีร้อนมาพึ่งร้อนเหรอเนี่ย แต่พอกลับมาถึงจริงๆ ก็ค่อยยังชั่วหน่อย วันที่มาถึงเป็นวันแรกที่อากาศดีมากๆ จากเกือบๆ 40 องศา ลดเหลือแค่ 26 องศา ทุกวันนี้อุณหภูมิสูงสุดก็อยู่ที่ 25-28 องศาเซลเซียส กำลังสบายเลยค่ะ มีความสุข ลั่นล้าน่าดู อ้อ.. คอมเมนท์และคำถามต่างๆ ที่เพื่อนๆ ฝากไว้ระหว่างที่เราไม่อยู่จะค่อยๆ ทยอยตอบให้นะคะ  เยอะแยะหลายบล็อกเลย หากตอบช้าไปบ้างก็อย่าเคืองเน้อ

มาเข้าเรื่องเลยเนอะ เค้กแอ๊บเปิ้ลสตรอยเซลนี้เราทำไว้ตั้งแต่ก่อนกลับเมืองไทยค่ะ แต่ตอนนั้นยุ่งๆ เลยต้องหมกสูตรไว้จนถึงตอนนี้แหละ สูตรนี้เราชอบมากๆ เลย ลองผิดลองถูกมาตั้งนาน ดีนะที่จดส่วนผสมคร่าวๆ ไว้ ไม่งั้นลืมหมดแน่ๆ  มาดูสูตรกันนะคะ

ส่วนผสมฐานเค้ก
ส่วนยีสต์
  • แป้งอเนกประสงค์ 120 กรัม
  • ยีสต์สด 6 กรัม (ยีสต์แห้ง 2 กรัม)
  • นมสด 60 กรัม
  • น้ำตาลทราย 15 กรัม
  • เนยสดละลาย 20 กรัม
วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในอ่างผสมแล้วใช้ไม้พายคนจนส่วนผสมจับตัวกัน จากนั้นใช้เครื่องตีหัวเกลียวนวดจนแป้งเนียนมือและหลุดจากขอบอ่างอย่างง่ายดาย รวบเป็นก้อนกลมพักไว้ก่อนค่ะ

ส่วนครัสท์
  • แป้งอเนกประสงค์ 60 กรัม
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • ผงฟู 1/4 ชช.
  • เนยสด 30 กรัม
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1/3 ชช.
วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในอ่างผสมแล้วนวดด้วยปลายนิ้วจนส่วนผสมเข้ากันและมีลักษณะเป็นเม็ดๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่ว จากนั้นใส่แป้งยีสต์ลงไปนวดให้เข้ากันค่ะ  เสร็จแล้วก็นำพิมพ์กลมขนาด 23 ซม. (9") มาทาเนยบางๆ ให้ทั่วโรยแป้งหรือขนมปังป่นบางๆ ให้ทั่ว แล้วเคาะพิมพ์เบาๆ เพื่อให้เศษแป้งส่วนเกินหลุดออกค่ะ

เมื่อเตรียมพิมพ์เรียบร้อยแล้วก็นำแป้งมาคลึงบางๆ ให้มีขนาดใหญ่กว่าฐานพิมพ์ประมาณ 2 นิ้ว จากนั้นก็นำไปคลึงใส่พิมพ์ ใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ ให้ติดพิมพ์ แล้วใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วพิมพ์ค่ะ


ส่วนผสมแอ๊บเปิ้ล
  • แอ๊บเปิ้ลเปรี้ยว 3 ลูกใหญ่
  • น้ำมะนาว 1 ชต.
  • น้ำสะอาด 1 ชต.
  • น้ำตาลทราย 1 ชต.
  • อบเชยป่น 1/4 ชช.
 

วิธีทำ ปอกเปลือกแอ๊บเปิ้ลตัดแกนออกแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/2 ซม. ใส่หม้อขนาดย่อมๆ ใส่น้ำมะนาว น้ำสะอาด น้ำตาลและอบเชยป่นลงไป นำหม้อตั้งไฟกลาง ปล่อยให้เดือดประมาณ 3 นาที แล้วปิดไฟ สะเด็ดน้ำ พักไว้ให้เย็นค่ะ

ส่วนผสมหน้าสตรอยเซล
  •  แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • เนยสด 80 กรัม
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1/2 ชช.
  • อบเชยป่น 1 หยิบมือ (ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
 วิธีทำ  ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในอ่างผสม ใช้ปลายนิ้วนวดจนส่วนผสมจับตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ

ส่วนผสมตัวเค้ก
  • แป้งเค้ก 160 กรัม
  • ผงฟู 1 1/2 ชช.
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 90 กรัม
  • เนยสดนุ่มๆ 100 กรัม
  • นมสด 50 กรัม
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1 ชช.
วิธีทำ  


อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส ร่อนแป้งรวมกับผงฟูและเกลือ พักไว้ 

นำเนยใส่อ่างผสมและตีด้วยความเร็วต่ำจนเนยเนียน เปลี่ยนเป็นความเร็วกลางแล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกับเนยทีละนิดจนน้ำตาลหมด แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุดตีต่อไปเรื่อยๆ เนยกลายเป็นครีมฟูเบาสีขาวนวล ใช้เวลาตีประมาณ 5-6 นาทีค่ะ 

ใช้ไม้พายปาดรอบขอบอ่างแล้วตอกไข่ใส่ลงไป 1 ฟอง ตีต่อด้วยความเร็วกลางจนไข่กับเนยเข้ากันดี ใช้เวลาตีประมาณ 1 นาทีค่ะ เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ตอกไข่อีกฟองใส่ลงตีให้เข้ากันดีอีกครั้ง ส่วนผสมจะมีลักษณะเป็นครีมเนียน เนยกับไข่ไม่แยกตัวกันค่ะ อย่าลืมปาดขอบอ่างด้วยนะคะ เสร็จแล้วก็ใส่วานิลาลงไปตีให้เข้ากันค่ะ  

จากนั้นแบ่งประมาณ 1/3 ของส่วนผสมแป้งลงไปตีด้วยความเร็วต่ำสุดรวมกับส่วนผสมเนยแค่พอเข้ากัน แล้วใส่ 1/2 ของนมลงไปตีรวมกัน ทำสลับกันอย่างนี้จนส่วนผสมหมด (รวมแล้วแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน นม 2 ส่วน เริ่มด้วยแป้งจบด้วยแป้งนะคะ) ย้ำว่าต้องตีด้วยความเร็วต่ำสุด ใช้เวลาตีแป๊บเดียว เอาแค่พอเข้ากันกับส่วนผสมอื่นก็พอ ไม่งั้นน้องเค้กจะทั้งหนักทั้งแน่นเชียวค่ะ  


แบ่ง 1/2 ของแป้ง ตักใส่พิมพ์แล้วเกลี่ยให้เรียบ จากนั้นแบ่งแอ๊บเปิ้ลที่หั่นเตรียมไว้มาครึ่งหนึ่ง นำมาเรียงบนแป้งให้ทั่วค่ะ เสร็จแล้วโปะด้วยส่วนผสมแป้งที่เหลือทั้งหมดใส่บนแอ๊บเปิ้ล เกลี่ยแป้งกลบแอ๊บเปิ้ลให้เรียบทั่วถึงกัน แล้วก็นำแอ๊บเปิ้ลส่วนเหลือวางเรียงให้สวยงามทั่วพิมพ์ค่ะ แล้วโรยหน้าด้วยสตรอยเซลให้ทั่ว  

วางพิมพ์ตรงชั้นกลางของเตา อบ 180 องศาเซลเซียสประมาณ 60 นาที หรือจนกว่าเค้กจะสุก ทดสอบโดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีเศษแป้งติดไม้มาแสดงว่าสุกแล้วค่ะ  


นำเค้กออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็นตัวประมาณ 5-10 นาทีแล้วจึงนำออกจากพิมพ์ พักไว้บนตะแกรงให้เย็นค่ะ


เมื่อเค้กเย็นแล้วก็ตัดทานเลยค่ะ ฐานเค้กที่โปร่งๆ กรอบๆ บวกเนื้อเค้กนุ่มๆ หอมเนย ผสมผสานกับเนื้อแอ๊บเปิ้ลเปรี้ยวๆ หวาน แล้วยังได้ความกรุบกรอบของสตรอยเซลเพิ่มเข้าไปอีก ทานตอนอบใหม่ๆ นี่อร่อยได้ใจจริงๆ ค่ะ


ถ้ารักน้องเปิ้ล ชอบน้องเปิ้ลก็ลองทำดูนะคะ  ขอให้อร่อยกันถ้วนหน้าค่ะ ใครขี้เกียจทำก็นี่เลย ตักป้อนให้ด้วย อิอิ


Wednesday, August 4, 2010

ชิฟฟอน 3 รส : chiffon cake


วันนี้ทำขนมเพื่อระลึกถึงยายค่ะ ยายเราชอบกินชิฟฟอนมาก ๆ เมื่อก่อนสมัยที่เราอยู่เมืองไทยยังทำขนมอะไรไม่เป็นสักอย่าง เวลาไปเยี่ยมยายเมื่อไรเป็นต้องซื้อชิฟฟอนไปฝากเยอะๆ ตอนนี้ยายไม่อยู่ซะแล้ว หากเราอยู่เมืองไทยคงอบชิฟฟอนแล้วเอาไปใส่บาตรให้ยาย แต่ตอนนี้อยู่ไกลวัดก็เลยไม่มีโอกาสได้ทำอย่างที่หวังค่ะ

ส่วนผสมบัตเตอร์ครีม
  • เนยสด 130 กรัม
  • เนยขาว 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • นมสด 40 มล.
  • วานิลาเอ๊กซ์แทรค 1/2 ชช.
วิธีทำ


ใส่น้ำตาลทราย เกลือ และนมในหม้อใบเล็ก นำขึ้นตั้งไฟอ่อน คนจนน้ำตาลละลายหมด ปล่อยให้เดือดประมาณ 1 นาที จนกลายเป็นน้ำเชื่อมเหนียวดี ปิดไฟพักไว้ให้เย็นค่ะ ระหว่างนั้นก็จัดการตีเนยขาว ด้วยความเร็วปานกลางพอเนียน ใส่เนยสดลงไปตีรวมกันจนมีสีขาวนวล อย่าลืมปาดขอบอ่างด้วยนะคะ จากนั้นก็ค่อยๆ เทน้ำเชื่อมใส่ลงไปที่ละน้อย ตีต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำเชื่อมหมด ครีมมีลักษณะฟูเบาเนื้อเนียนมากๆ สุดท้ายใส่วานิลาตีด้วยความเร็วต่ำพอเข้ากันก็ได้บัตเตอร์ครีมแล้วค่ะ

 ชิฟฟอนใบเตย สำหรับถาดอบขนาด 7"x10"
ส่วนไข่แดง
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • นมผง 1 ชต.
  • ผงฟู 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย(1) 45 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • น้ำใบเตย 40 กรัม
  • นมสด 20 กรัม
  • น้ำมันพืช 40 กรัม
ส่วนไข่ขาว
  • ไข่ขาว 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย(2) 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
อุปกรณ์อื่นๆ
  • กระดาษไขสำหรับปูถาดอบ
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
วิธีทำ  ถาดที่่ใช้อบปูกระดาษไขรองไว้ เสร็จแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190C ด้วยนะคะ 


ร่อน แป้ง นมผง และผงฟูรวมกัน 2 ครั้งใส่อ่างผสม เทน้ำตาลทราย(1) และเกลือลงไปคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง แป้งไว้ด้วยค่ะ จากนั้นหันไปตีไข่ขาวกับน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำให้ฟู แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาล(2) ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนเกือบแข็งและไข่มีฟองที่ละเอียดมาก เราตีแค่ประมาณ 1 นาทีก็ได้ที่แล้วค่ะ

ใส่ไข่แดง น้ำใบเตย นมสด และน้ำมันพืชลงในบ่อแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ ให้แป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ (คนแค่แป๊บเดียวนะคะ ถ้าคนนานแป้งจะเหนียวและเกาะกันเป็นปื้นค่ะ) เแล้วนำไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้วมาผสมกับส่วนไข่แดง โดยแบ่งใส่สองครั้ง ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เสร็จแล้วเทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบเสมอกันแล้วเคาะถาดเบาๆ 2 ครั้ง เพื่อไล่อากาศค่ะ


นำเข้าเตาอบโดยวางไว้ชั้นที่สองจากล่าง อบไฟบน-ล่างประมาณ 10 นาทีค่ะ ทดสอบเค้กโดยใช้นิ้วแตะผิวเค้กเบาๆ ถ้าเค้กสปริงตัวไม่ทิ้งรอยไว้ก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ หรือใครจะใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดมาก็โอเคค่ะ


เมื่อเค้กสุกนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็นตัวลงประมาณ 5 นาที แล้วปูพลาสติกใสที่โต๊ะ คว่ำเค้กบนพลาสติกแล้วแกะกระดาษไขทิ้งไป รอให้เค้กเย็นอุณหภูมิห้องจึงใช้มีดคมๆ ตัดขอบรอบๆ เพื่อให้เค้กเรียบสวยเสมอกัน แล้วตัดแบ่งครึ่ง ปาดบัตเตอร์ครีมบนเค้กหนึ่งแผ่นแล้วนำแผ่นที่เหลือมาประกบ ตัดแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆ 3 เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมตามต้องการ สุดท้ายก็ใช้พลาสติกหรือกระดาษสำหรับห่อชิฟฟอนห่อเค้กให้รอบค่ะ




ชิฟฟอนวานิลา สำหรับถาดอบขนาด 7"x10"
ส่วนไข่แดง
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • นมผง 1 ชต.
  • ผงฟู 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย(1) 40 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • นมสด 45 กรัม
  • น้ำมันพืช 35 กรัม
  • วานิลาเอ็กซ์แทรค 1/2 ชช.
ส่วนไข่ขาว
  • ไข่ขาวขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย(2) 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
อุปกรณ์อื่นๆ
  • กระดาษไขสำหรับปูถาดอบ
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
วิธีทำ ถาดที่่ใช้อบปูกระดาษไขรองไว้ เสร็จแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190C ด้วยนะคะ 

ร่อนแป้ง นมผง และผงฟูรวมกัน 2 ครั้งใส่อ่างผสม เทน้ำตาลทราย(1) และเกลือลงไปคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง แป้ง จากนั้นหันตีไข่ขาวกับน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำให้ฟู แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาล(1) ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนเกือบแข็งและไข่มีฟองที่ละเอียดมาก เราตีแค่ประมาณ 1 นาทีก็ได้ที่แล้วค่ะ

ใส่ไข่แดง นมสด น้ำมันพืชและวานิลาลงในบ่อแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ ให้แป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ แล้วพักไว้ (คนแค่แป๊บเดียวนะคะ ถ้าคนนานแป้งจะเหนียวและเกาะกันเป็นปื้นค่ะ) เสร็จแล้วนำไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้วมาผสมกับส่วนไข่แดง โดยแบ่งใส่สองครั้ง ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เสร็จแล้วเทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบเสมอกันแล้วเคาะถาดเบาๆ 2 ครั้ง เพื่อไล่อากาศ 

นำเข้าเตาอบโดยวางไว้ชั้นที่สองจากล่าง อบไฟบน-ล่างประมาณ 10 นาทีค่ะ ทดสอบเค้กโดยใช้นิ้วแตะผิวเค้กเบาๆ ถ้าเค้กสปริงตัวไม่ทิ้งรอยไว้ก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ หรือใครจะใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดมาก็โอเคค่ะ

เมื่อเค้กสุกนำออกจากเตา พักไว้ให้อุ่นประมาณ 5 นาที แล้วปูพลาสติกใสที่โต๊ะ คว่ำเค้กบนพลาสติกแล้วแกะกระดาษไขทิ้งไป รอให้เค้กเย็นอุณหภูมิห้องจึงใช้มีดคมๆ ตัดแบ่งครึ่ง ปาดบัตเตอร์ครีมบนเค้กหนึ่งแผ่นแล้วนำแผ่นที่เหลือมาประกบ ตัดแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆ 3 เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมตามต้องการค่ะ สุดท้ายก็ใช้กระดาษหรือพลาสติกมาห่อเค้กให้รอบค่ะ


ชิฟฟอนมอคค่า สำหรับถาดอบขนาด 7"x10"
ส่วนไข่แดง
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • ผงโกโก้ 2 ชช.
  • นมผง 1 ชต.
  • ผงฟู 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย(1) 45 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • นมสด 45 กรัม
  • ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ชต.
  • ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำมันพืช 35 กรัม
ส่วนไข่ขาว
  • ไข่ขาวขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย(2) 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
อุปกรณ์อื่นๆ
  • กระดาษไขสำหรับปูถาดอบ
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
วิธีทำ ถาดที่่ใช้อบปูกระดาษไขรองไว้ เสร็จแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190C ด้วยนะคะ 

ร่อนแป้ง ผงโกโก้ นมผง และผงฟูรวมกัน 2 ครั้งใส่อ่างผสม เทน้ำตาลทราย (1) และเกลือลงไปคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง หันตีไข่ขาวกับน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำให้ฟู แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาล(2)ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนเกือบแข็งและไข่มีฟองที่ละเอียดมาก เราตีแค่ประมาณ 1 นาทีก็ได้ที่แล้วค่ะ

ละลายผงกาแฟในนมสดแล้วเทใส่บ่อแป้ง ตามด้วยไข่แดง และน้ำมันพืช ใช้ตะกร้อมือคนเร็ว ๆ ให้แป้งเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ แล้วพักไว้ (คนแค่แป๊บเดียวนะคะ ไม่เกิน 5 วินาที ถ้าคนนานเค้กจะเหนียวเกาะกันเป็นปื้นค่ะ) นำไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้วมาผสมกับส่วนไข่แดง โดยแบ่งใส่สองครั้ง ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เสร็จแล้วเทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบเสมอกันแล้วเคาะถาดเบาๆ 2 ครั้งเพื่อไล่อากาศ 

นำเข้าเตาอบโดยวางไว้ชั้นที่สองจากล่าง อบไฟบน-ล่างประมาณ 10 นาทีค่ะ ทดสอบเค้กโดยใช้นิ้วแตะผิวเค้กเบาๆ ถ้าเค้กสปริงตัวไม่ทิ้งรอยไว้ก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ หรือใครจะใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดมาก็โอเคค่ะ

เมื่อเค้กสุกนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็นตัวลงประมาณ 5 นาที แล้วปูพลาสติกใสที่โต๊ะ คว่ำเค้กบนพลาสติกแล้วแกะกระดาษไขทิ้งไป รอให้เค้กเย็นอุณหภูมิห้องจึงใช้มีดคมๆ ตัดแบ่งครึ่ง ปาดบัตเตอร์ครีมบนเค้กหนึ่งแผ่นแล้วนำแผ่นที่เหลือมาประกบ ตัดแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆ 3 เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมตามต้องการ สุดท้ายก็ใช้กระดาษห่อเค้กให้รอบค่ะ

ส่วนผสมบัตเตอร์ครีมกาแฟ
  • เนยสดเค็ม 80 กรัม
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • นมสด 20 กรัม
  • ผงกาแฟสำเร็จรูป 2 ชช.
วิธีทำ

ใส่น้ำตาลทราย นมสด และกาแฟในหม้อใบเล็ก นำขึ้นตั้งไฟกลาง คนจนน้ำตาลละลายหมด ปล่อยให้เดือดประมาณ 1 นาทีจนน้ำเชื่อมเหนียวดี ปิดไฟพักไว้ให้เย็นค่ะ ระหว่างนั้นก็จัดการตีเนยสดด้วยความเร็วปานกลางจนเนยฟูและมีสีขาวนวล อย่าลืมปาดขอบอ่างด้วยนะคะ จากนั้นก็ค่อยๆ เทน้ำเชื่อมกาแฟใส่ลงไปที่ละน้อย ตีต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำเชื่อมหมด ครีมมีลักษณะฟูเบาเนื้อเนียนมากๆ ได้บัตเตอร์ครีมกาแฟแบบง่ายๆ แล้วค่ะ

Thursday, July 22, 2010

ลินเซอร์คุ๊กกี้ : Linzerkekse


วันนี้มีสูตรคุ๊กกี้ที่เราชอบที่สุดมาฝากค่ะ และก็คือลินเซอร์คุ๊กกี้สูตรดัดแปลงจิ๊บจ้อยจากสูตรพายลินเซอร์นั่นเองค่ะ ปกติเวลาทำลินเซอร์ทอร์เทอแล้วมักจะมีเศษส่วนผสมที่เหลือจากบีบแต่งหน้าพายบ้างนิดหน่อย เราก็จะจับใส่ถุงบีบทำเป็นคุ๊กกี้ไปเลย สรุปว่าเราชอบกินแบบเป็นคุ๊กกี้มากกว่าแบบพายซะอีก คงเพราะชอบอะไรกรอบๆ ด้วยมั้งคะ อีกอย่างแบบคุ๊กกี้มันเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีปากพอดีคำ กินง่ายดีและไม่หวานมากด้วยค่ะ ใครชอบทำคุ๊กกี้ต้องลองสูตรนี้ค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง คนที่เคยชิมทุกคนติดอกติดใจไปตามๆ กันเลยค่ะ เลิกโม้ดีกว่า ไปดูสูตรกันเลยค่ะ

ส่วนผสม
  • เนยสดเค็ม 80 กรัม
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดเล็ก 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลาบัทเทอร์ 1/2 ชช.
  • แป้งเอนกประสงค์ 100 กรัม
  • ผงฟู 1/4 ชช.
  • อัลมอนด์และเฮซัลนัทคั่วป่นรวมกัน 60 กรัม (เราใช้อัลมอนด์และเฮซัลอย่างละครึ่ง ใครไม่มีใช้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ค่ะ)
  • อบเชยป่น 1/4 ชช.
  • กานพลูป่น 1 หยิบมือ
  • แยมเรดเคอเรนท์, แยมสตรอว์เบอรี่ หรือแยมราสเบอรี่  30 กรัม (หรือใช้แยมอะไรก็ได้ขอแค่ออกเปรี้ยวๆ หน่อยค่ะ)
วิธีทำ   อุ่นเตาอบไว้ที่ 180ซี ถาดอบปูกระดาษไขรองหรือจะทาเนยบางๆ ให้ทั่วก็ได้ค่ะ  


ใส่เนยในอ่างผสม ตีด้วยความเร็วต่ำพอเนียน ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีผสมจนเนยฟู (ไม่ต้องถึงกับตีให้เป็นสีขาวนวลฟูเบาเหมือนปุยนุ่นนะคะ แค่เนยฟูและเป็นสีเหลืองอ่อนก็ใช้ได้แล้ว) แล้วจึงใส่ไข่ไก่และวานิลาลงไปตีพอเข้ากับเนยค่ะ 



ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ อบเชยป่น และกานพลูป่นรวมกัน ใส่นัทบดทั้งสองชนิดลงในอ่างแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันดี แล้วเทใส่ส่วนผสมเนย ตีด้วยความเร็วต่ำหรือใช้ไม้พายหรือตะกร้อมือคนผสม เอาแค่พอเข้ากันก็หยุดค่ะ


ตักส่วนผสมใส่ถุงบีบแล้วบีบวนเป็นเกลียว โดยเริ่มบีบจากด้านในวนมาด้านนอกเพื่อให้มีฐานด้านล่างและให้ขอบชั้นบนสูงกว่าฐาน แล้วก็ตักแยมใส่ตรงกลางค่ะ  เมื่อบีบจนเต็มถาดแล้วก็นำเข้าอบโดยวางไว้ตรงชั้นกลางของเตา อบไฟ 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลาอบประมาณ 10-12 นาที หรือจนกว่าคุ๊กกี้จะมีสีน้ำตาลทองสวยค่ะ


เมื่อคุ๊กกี้สุกแล้วก็นำออกจากเตาอบ แซะวางบนตะแกรงจนเย็นสนิทแล้วก็สำเร็จโทษได้เลยค่ะ ปกติคุ๊กกี้นี้ถ้าให้อร่อยที่สุดก็ต้องกินวันแรกที่อบค่ะเพราะมันจะกรอบอร่อยมาก  แต่ถ้ากินไม่หมดเก็บใส่ขวดโหลตอนที่คุ๊กกี้เย็นสนิทแล้ว คุ๊กกี้นี้ถ้าค้างคืนแล้วจะกลายเป็นคุ๊กกี้นิ่มค่ะ ไม่กรอบเหมือนอบเสร็จวันแรกนะคะ


เราเนี่ยอบไปกินไป กว่าจะเสร็จไม่รู้ว่าคุ๊กกี้ไปอยู่ในท้องกี่ชิ้นแล้ว  อร่อยจริงๆ ค่ะ  กินเพลินเชียว เพื่อนๆ ลองทำดูนะคะ 

 

ส่วนนี่แถมค่ะ พอดีตั้งแต่กลับจากเมืองไทยเนี่ยไม่รู้ทำไมอยากกินสลัดอกไก่มาก ปกติถ้าอยากกินเมื่อไรจะไปกินที่ร้านประจำญซึ่งทำสลัดอกไก่ได้อร่อยมากๆ แต่ตอนนี้อยากทำเป็นบ้าง ก็พยายามเลียนแบบรสชาติที่เคยกินที่ร้าน ลองผิดลองถูกไปเรื่อย นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ลองทำค่ะ ครั้งแรกที่ทำเดรสซิ่งเปรี้ยวเข็ดฟันเลย พอครั้งนี้ดันแอบหวานไปหน่อย ยังคลำหาทางสายกลางไม่เจอสักที พรุ่งนี้ว่าจะลองเป็นรอบที่สาม ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย ไว้ออกมาอร่อยใกล้เคียงกับที่ร้านเมื่อไรแล้วจะแปะสูตรให้นะคะ เผื่อใครอยากทานบ้าง