ช่วงนี้อากาศที่นี่ดีมาก แดดจ้าทุกวัน อากาศก็ร้อนถึงร้อนมาก เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้อุณหภูมิน่าจะสูงถึง 34 องศาเซลเซียส คาดว่าพื้นที่สนามหญ้าในสวนสาธารณะข้างบ้านเราคงเต็มทุกตารางนิ้วแหงๆ เนื่องจากหนุ่มๆ สาวๆ มาจับจองพื้นที่นอนอาบแดดกันเหมือนทุกวันที่แดดจัด จะว่าไปก็แปลกดีเหมือนกันนะคะ เราเนี่ยเจอแดดจัดๆ เป็นวิ่งหลบเพราะนอกจากผิวเราจะไวต่อแสงแดดแล้ว หากโดนแดดแรงๆ สักพักตัวก็จะแดง แสบร้อนแล้วหลังจากนั้นสัก 2-3 วันก็ลอกคราบเป็นงูเลยค่ะ
ในขณะที่เราวิ่งหลบแดดแต่พวกฝรั่งงี้ดี๊ด๊ามากๆ เวลาเจอแสงแดด บางคนอยากผิวเข้มมากถึงกับยอมเสี่ยงไม่ทาครีมกันแดดทั้งที่แดดเปรี้ยง ประมาณว่ามะเร็งไม่กลัว แต่กลัวผิวไม่เข้ม คนไทยก็อยากขาวสรรหาไวท์เทนนิ่งมาทา ฝรั่งก็อยากเข้ม สารพัดจะทำทุกวิธีเพื่อให้ผิวเข้มโดยไม่หวั่นเรื่องอันตรายที่จะตามมากันเลย โลกนี้มันช่างไม่มีความพอดีจริงๆ นะคะ
บ่นมากแล้วมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ ช่วงนี้เรากำลังบ้าทำขนมปังยุโรปแบบกรอบนอกนุ่มในค่ะ ก็พวก white bread ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Berliner Schrippen, Kaiserbrötchen แล้วก็ Baguette ผลที่ได้ยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ต้องการ แต่ก็พอใจในระดับหนึ่งค่ะ อย่างบาเก็ตต์ที่ทำวันนี้ก็พอใจมาก เปลือกกรอบและกรอบนานอย่างที่ควรจะเป็น เนื้อในก็เหนียวนุ่มเหมือนซื้อที่ร้าน แต่หน้าตายังไม่เข้าขั้น ดูเหมือนจะกรีดตื้นไปหน่อย อบแล้วเลยมีรอยแตกแค่นิดๆ ไม่ค่อยสวยนัก
ส่วนนี่เป็น Kaiserbrötchen ฉบับมือสมัครเล่นค่ะ หน้าตาไม่ค่อยเหมือน เนื้อขนมใกล้เคียงแต่ยังไม่ใช่ซะทีเดียว คงต้องปรับปรุงอีกเยอะค่ะถ้าอยากให้ออกมาอย่างที่ต้องการ
นี่เป็น Berliner Schrippen อันนี้พอใจแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่เลิกทำ เราชอบกินกับเนยและแยมเบอรี่ค่ะ อร่อยมากๆ และเนื่องจากวันนี้ได้บาเก็ตที่กรอบอร่อยถูกใจเหลือเกิน เลยแอบเอาสูตรมาแปะบล็อกไว้กันลืมค่ะ เพราะช่วงที่อยู่ในระหว่างทดลองสูตรเนี่ยเราจะจดใส่กระดาษแผ่นเล็กๆ ไว้ แล้วความที่ขี้ลืมมากๆ บางครั้งก็หาไม่เจอ ไม่รู้ไปวางไว้ที่ไหนแล้ว ก็ต้องมาลองผิดลองถูกใหม่อีกที วันนี้เห็นว่าได้ผลเป็นที่พอใจแล้วก็เลยคิดว่าลงสูตรไว้ก่อนดีกว่าจะได้ไม่หายอีก ไว้ทำใหม่แล้วออกมาหน้าตาดีกว่านี้ค่อยเอารูปมาเปลี่ยนแล้วเพิ่มรูปวิธีทำด้วยเนอะ
ส่วนผสม ก.
ส่วนผสม ข.
เมื่อครบ 90 นาทีแล้วจะเห็นว่าแป้งขึ้นมากกว่า 2 เท่า จัดการคลึงแป้งไล่ลมประมาณ 1-2 นาที แล้วรวบเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักต่ออีก 90 นาทีค่ะ
หลังจากพักแป้งรอบสองครบ 90 นาทีแล้วก็จัดการแบ่งแป้งออกเป็นสองส่วน ไม่ต้องคลึงไล่ลมนะคะเพราะตอนนี้เราต้องการเก็บอากาศในขนมให้มากที่สุด โรยแป้งนวลบางๆๆ ที่โต๊ะ แล้วนำแป้งมาแผ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับด้านบนล่างเข้าหากันแล้วก็พับทบอีกที เหมือนในรูปค่ะ คลุมผ้าพักให้แป้งยืดหยุ่นตัวดีอีกประมาณ 20 นาทีค่ะ
เมื่อแป้งขึ้นได้ที่ก็จัดการอุ่นเตาอบที่ 240 องศาเซลเซียส ระหว่างที่รอให้เตาร้อนก็ใช้แปรงนุ่มๆ ชุบนมสดทาผิวบาเก็ตให้ทั่ว หากอยากได้ผิวเรียบๆ เงาๆ ก็บากผิวขนมโดยไม่ต้องโรยแป้ง ส่วนใครอยากได้แบบมีแป้งบางๆ บนผิวก็จัดการโรยแป้งบางๆ บนขนมให้ทั่วก่อนกรีดค่ะ (เราเบลอไปหน่อย กรีดแล้วถึงมาโรยแป้งทีหลังเลยออกมาไม่ค่อยสวย)
เมื่อเตาอบร้อนได้ที่ก็นำถาดบาเก็ตต์วางบนชั้นกลางของเตา หาชามทนไฟใส่น้ำร้อนประมาณ 250 มล. วางบนพื้นเตาอบด้วยค่ะ อบความร้อน 240 ซีประมาณ 10 นาที จากนั้นลดไฟเหลือ 200 ซี อบต่ออีกประมาณ 25 นาที หรือจนกว่าผิวขนมจะมีสีน้ำตาลทอง เมื่อใช้นิ้วเคาะแล้วจะมีเสียงดังก้องๆ ค่ะ (ขนมปังแบบนี้ต้องอบให้สุกจริงๆ นะคะถึงจะกรอบนาน หากอบไม่ได้ที่แล้วเมื่อขนมเย็นเปลือกจะเริ่มเหนียวค่ะ หากอบได้ที่แล้วเปลือกจะกรอบทนกรอบนาน แต่ต้องไม่เก็บในวัสดุที่เป็นพลาสติกนะคะ ไม่งั้นมันจะไม่กรอบ) ช่วง 1 นาทีสุดท้ายก่อนนำขนมออกจากเตาอบให้ใช้แปรงชุบน้ำหรือนมสดทาผิวขนมอีกรอบด้วยนะคะ ผิวขนมปังจะได้ขึ้นเงาสวยค่ะ
เมื่อขนมสุกแล้วก็นำออกมาจากเตาอบ พักไว้บนตะแกรงให้อุ่นเกือบอุณหภูมิห้องก็สำเร็จโทษได้เลยค่ะ ใครจะกินกับพวกแฮม ชีส ซาลามี่ อะไรก็ตามชอบ ทำเป็นขนมปังกระเทียมก็เริ่ด หรือทำเป็นปังพิซซ่าก็เยี่ยมค่ะ ดัดแปลงได้ตามสบายเลย ลองทำดูนะคะ
- แป้งขนมปัง 100 กรัม
- ยีสต์สด 4 กรัม (ยีสต์แห้ง 1/2 ชช.)
- น้ำอุ่น 120 กรัม
ส่วนผสม ข.
- แป้งขนมปัง 200 กรัม
- ยีสต์สด 4 กรัม (ยีสต์แห้ง 1/2 ชช.)
- น้ำอุ่น 65 กรัม
- น้ำผึ้ง 1 ชช.
- เกลือป่น 5-6 กรัม (เราใส่ 6 กรัมค่ะ คนที่บ้านชอบกินเค็มหน่อยๆ)
เมื่อพักแป้งครบเวลาแล้วก็จัดการละลายยีสต์ในน้ำอุ่น แล้วใส่ส่วนผสมทั้งหมดในอ่างแป้งที่นวดไว้ จัดการนวดส่วนผสมทุกอย่างรวมกันจนแป้งเนียนมือ และหลุดจากขอบอ่างอย่างง่ายดาย เสร็จแล้วก็รวบแป้งเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้ 90 นาทีค่ะ
เมื่อครบ 90 นาทีแล้วจะเห็นว่าแป้งขึ้นมากกว่า 2 เท่า จัดการคลึงแป้งไล่ลมประมาณ 1-2 นาที แล้วรวบเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักต่ออีก 90 นาทีค่ะ
หลังจากพักแป้งรอบสองครบ 90 นาทีแล้วก็จัดการแบ่งแป้งออกเป็นสองส่วน ไม่ต้องคลึงไล่ลมนะคะเพราะตอนนี้เราต้องการเก็บอากาศในขนมให้มากที่สุด โรยแป้งนวลบางๆๆ ที่โต๊ะ แล้วนำแป้งมาแผ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับด้านบนล่างเข้าหากันแล้วก็พับทบอีกที เหมือนในรูปค่ะ คลุมผ้าพักให้แป้งยืดหยุ่นตัวดีอีกประมาณ 20 นาทีค่ะ
หลังจากพักแป้งแล้วจะรู้สึกว่าแป้งยืดหยุ่นตัวดีขึ้น จัดการแผ่แป้งแล้วขึ้นรูปให้ได้ความยาวตามที่ต้องการค่ะ เสร็จแล้วก็วางไว้บนถาดอบที่มีรู ยิ่งใครมีพิมพ์บาเก็ตต์เนี่ยเริ่ดเลย เราไม่มีก็เลยใช้ถาดแทนค่ะ (ถาดเราหน้าตาแปลกๆ ไปหน่อยเพราะอันนี้คนที่บ้านทำให้ค่ะ เป็นสแตนเลส ปลอดภัยกว่าใช้อลูมิเนียมด้วยค่ะ) เสร็จแล้วก็คลุมผ้าพักไว้ประมาณ 30-45 นาที ให้แป้งขึ้นประมาณเท่าครึ่ง ไม่ต้องให้ขึ้นถึงสองเท่านะคะ ไม่งั้นตอนอบแล้วมันจะแบนค่ะ
เมื่อแป้งขึ้นได้ที่ก็จัดการอุ่นเตาอบที่ 240 องศาเซลเซียส ระหว่างที่รอให้เตาร้อนก็ใช้แปรงนุ่มๆ ชุบนมสดทาผิวบาเก็ตให้ทั่ว หากอยากได้ผิวเรียบๆ เงาๆ ก็บากผิวขนมโดยไม่ต้องโรยแป้ง ส่วนใครอยากได้แบบมีแป้งบางๆ บนผิวก็จัดการโรยแป้งบางๆ บนขนมให้ทั่วก่อนกรีดค่ะ (เราเบลอไปหน่อย กรีดแล้วถึงมาโรยแป้งทีหลังเลยออกมาไม่ค่อยสวย)
เมื่อเตาอบร้อนได้ที่ก็นำถาดบาเก็ตต์วางบนชั้นกลางของเตา หาชามทนไฟใส่น้ำร้อนประมาณ 250 มล. วางบนพื้นเตาอบด้วยค่ะ อบความร้อน 240 ซีประมาณ 10 นาที จากนั้นลดไฟเหลือ 200 ซี อบต่ออีกประมาณ 25 นาที หรือจนกว่าผิวขนมจะมีสีน้ำตาลทอง เมื่อใช้นิ้วเคาะแล้วจะมีเสียงดังก้องๆ ค่ะ (ขนมปังแบบนี้ต้องอบให้สุกจริงๆ นะคะถึงจะกรอบนาน หากอบไม่ได้ที่แล้วเมื่อขนมเย็นเปลือกจะเริ่มเหนียวค่ะ หากอบได้ที่แล้วเปลือกจะกรอบทนกรอบนาน แต่ต้องไม่เก็บในวัสดุที่เป็นพลาสติกนะคะ ไม่งั้นมันจะไม่กรอบ) ช่วง 1 นาทีสุดท้ายก่อนนำขนมออกจากเตาอบให้ใช้แปรงชุบน้ำหรือนมสดทาผิวขนมอีกรอบด้วยนะคะ ผิวขนมปังจะได้ขึ้นเงาสวยค่ะ
เมื่อขนมสุกแล้วก็นำออกมาจากเตาอบ พักไว้บนตะแกรงให้อุ่นเกือบอุณหภูมิห้องก็สำเร็จโทษได้เลยค่ะ ใครจะกินกับพวกแฮม ชีส ซาลามี่ อะไรก็ตามชอบ ทำเป็นขนมปังกระเทียมก็เริ่ด หรือทำเป็นปังพิซซ่าก็เยี่ยมค่ะ ดัดแปลงได้ตามสบายเลย ลองทำดูนะคะ
ขนมปังออกมาส้วยสวย แหมเห็นถาดอบแล้วอยากด๊าย!!
ReplyDeleteพูดถึงเรื่องขนมปัง เมื่อวานอย่างเซ็งเลยค่ะ พอดีซื้อยีสต์สดไว้นานแล้ว ดูวันที่ก็ยังไม่หมดอายุแค่ใกล้ๆจะหมดเอง คุณนายก็ไม่อยากทิ้งเลยผสมแป้งเพื่อทำ Broetchen ตอนหมักแป้งก็มีกลิ่นยีสต์แต่เหมือนกลิ่นจะแรงกว่าปรกติ แป้งก็ขึ้นบ้างแต่ไม่มากหมักนานสองสามชั่วโมง คิดในใจได้ทิ้งแหงๆ ขึ้นรูปก็ขึ้นมาจิ๊ดนึง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เปิดไฟเตาอบๆซะเลย อบเสร็จขนมปังแข็งโป๊ก พอเย็นซักหน่อย นั่งข้างถังขยะแล้วขยำๆทิ้ง ฮ่าๆๆ ทิ้งยีสต์ก้อนเดียวซะก็จบ ต้องมาเพิ่มกระบวนการซะหลายขั้นตอน ..
ขำพี่กุ๊กจัง ยีสต์ก้อนละ 9 เซ็นต์ไม่ยอมทิ้ง แต่ต้องมาทิ้งทุกอย่างรวมค่าแรงแล้วหลายยูโรเลย อาการเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายนี่อุ้ยเป็นบ่อยค่ะ บางทีซื้อคว๊วกไว้หลายวันแล้วไม่ได้ใช้ซะที พอหันไปดูอีกทีวันนี้จะหมดอายุซะแล้ว แต่อุ้ยไม่อยากทำขนมอีกเพราะไม่อยากกินและอยากลดความฉุ แต่จะทิ้งก็เสียดายมาก ก็บ่นๆ กับแฟนว่าทำไงดี แฟนก็บอกทิ้งไปเหอะแค่ 35-45 เซ็นต์เอง แต่ถึงงั้นก็ยังเสียดายอยู่ดี คือไม่ได้คิดเรื่องราคา แต่เห็นของแล้วเสียดายน่ะ ยังไม่ได้เปิดเลยดูดิ งึมงัมๆ เสร็จแล้วก็ลงมือทำบราวนี่ชีสเค้ก ทำเสร็จเทใส่ถาด ใส่ครีมชีส คนๆๆ อือม์... ลายสวยดีแฮะวันนี้ เอาเข้าเตาอบ แล้วก่อนจะล้างอุปกรณ์ก็แอบๆ เอานิ้วจิ้มส่วนผสมบราวนี่ที่เหลือติดชามอ่างมาชิมหน่อย ปรากฎว่าไม่หวานเลยก็ อ้าว..ไมงี้ล่ะ ไมไม่หวานเลย แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมใส่น้ำตาล จ๊ากกก... แบบว่าทำบ่อยน่ะค่ะ อวดเก่ง คิดว่าบันทึกทุกอย่างไว้ในสมองเรียบร้อย สูตรอะไรก็ไม่ดูแล้ว สุดท้ายก็ลืมน้ำตาล อบเสร็จชิมดูแบบว่ารสชาติขมๆ มันๆ มีหวานมาแอบๆ นิ๊ดดดดนึง พยายามแก้ไขโดยการทำซอสช็อคโกแลตหวานๆ ราดหน้า แต่ก็ช่วยไม่ได้สักเท่าไร จะเอาไปให้น้องเป็ดก็ไม่ได้เพราะดูเหมือนเค้าจะเป็นของต้องห้าม สุดท้ายก็เหมือนพี่กุ๊กคือนั่งข้างถังขยะแล้วก็จัดการส่งบราวนี่ชีสลงถัง นั่งมองตาปรอยๆ โมโหตัวเองจริงๆ ถ้าทิ้งแค่คว๊วกกซะแต่แรกก็จบไปแล้ว 55
ReplyDeleteน้องอุ้ย ยังมีเรื่องที่ขำ(ไม่ออก)มาเล่า ทำวาฟเฟิลแบบใช้ยีสต์ ทุกครั้งถ้าทำทานไม่หมดก็จะเก็บใส่ตู้เย็นปิดฝาไม่สนิทมาก หรือว่าใส่ยีสต์ไม่เยอะก็ไม่รู้ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งอาจจะใส่ยีสต์เยอะไปด้วยแหละขี้เกียจตวงก็กะๆเอา และก็ผสมแป้งเยอะกว่าทุกครั้ง ทีนี้พอเหลือก็เลยใส่ขวดปิดฝาอย่างสนิทเลยแล้วแช่ตู้เย็น (ของในตู้เย็นเต็มด้วยเลยใส่ขวดเพราะกินเนื้อที่น้อย) ก็ถามแฟนว่ามันสร้างแก๊สนะเป็นไรหรือเปล่า แฟนบอกไม่เป็นไรหรอก แต่เราก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน
ReplyDeleteพอวันรุ่งขึ้นตอนเช้ามาจับขวดดู ทำไมมันเบาๆว๊า มองดูส่วนผสมแป้งก็จะเห็นเป็นฟองอากาศเม็ดเล็กๆและฟูมาถึงปากขวดเลย ตกตอนบ่ายได้เวลากาแฟ ก็จัดการเตรียมเตาอบวาฟเฟิลออกมา(แต่ยังไม่เสียบปลั๊ก) แล้วเอาเจ้าขวดนั้นออกมาจากตู้เย็น แล้วก็เปิดฝา แค่บิดฝานิดเดียวมีเสียงฟิ๊ดดดดดดด.....ตุ๊บบบบบบ!!! ครัวทั้งครัวและก็ตัวอิช้านเต็มไปด้วยระเบิดไข่ ...โอย จุดศูนย์กลางระเบิดอยู่ตรงปลั๊กไฟ โทรไปหาแฟนที่ทำงาน แฟนบอกให้ออกไปกดเบรคเกอร์ลงก่อน(อยู่นอกบ้าน)เราบอกไม่เอาหรอกยังกับผีไข่เดี๋ยวฝรั่งเห็นตกใจ งั้นก็รอให้เขากลับไป
พอแฟนกลับมาถึงบ้าน เจอระเบิดขำอีกลูก เขาขำฮาแตกมากๆ เช็ดทำความสะอาดครัว ฝาผนัง หลอดไฟ ชั้นใส่ของต่างๆ หมดเวลาไปสองสามชั่วโมง ตั้งแต่นั้นมายังไม่เคยกินวาฟเฟิลอีกเลย ฮ่าๆ
ส่วนผสม ก ส่วนผสม ข คืออะไรอะคะ มันคือคนละสูตร หรือว่า เอา ก เเละ ข มาผสมกันจึงจะได้ ขนมปังฝร่งเศษ
ReplyDeleteส่วนผสมที่บอกไว้เป็นสูตรเดียวค่ะ แค่แยกส่วนผสมออกเป็นสองส่วนเท่านั้น
Deleteเริ่มทำโดยการผสมส่วนผสม ก. ตามขั้นตอนที่บอกไว้ก่อน แล้วถึงนำส่วน
ผสม ก. มานวดรวมกับส่วนผสม ข. ในตอนหลังค่ะ
ขอบคุณมากๆคะ ^^
Deleteยินดีค่ะ
Deleteน่ากินจังเลยค่ะขอบคุณที่หวงสูตรวันใหนมีเวลาจะลองทำดู
ReplyDeleteน่ากินจังค่ะขอบคุณที่ไม่หวงสูตรวันใหนมีเวลาจะลองทำดูค่ะ
Deleteยินดีค่ะ หรือจะลองอีกสูตรก็ได้นะคะ ทำง่ายกว่า เร็วกว่า ส่วนตัวว่าอร่อยกว่าสูตรนี้ด้วยค่ะ
Deletehttp://varithorn.blogspot.de/2009/09/quick-baguette.html
สวัสดีค่ะ แอบเอาสูตรไปทำหลายรอบแล้วค่ะ เพราะชอบกินขนมปังกรอบๆ แต่เดี๋ยวจะทำตามอีกสูตร์ ขอบคุณสูตร์อีกครั้งค่ะ
ReplyDeleteดีใจจังค่ะ ลองอีกสูตรดูนะคะ ง่ายกว่าด้วยค่ะ
Deleteอบไฟบนหรือล่างคะ หรือบนล่างพร้อมกันคะ ^^
ReplyDeleteอบไฟบนล่างค่ะ หรือถ้าเตาอบมีพัดลมก็อบลมร้อนได้ค่ะ
Delete